หน้าแรก

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปรียบเสมือนหัวเรือของเกษตรกรทั้งประเทศ เมื่อรัฐบาลประกาศให้เกษตรกรไทยก้าวสู่การเป็นเกษตร 4.0 หัวเรือหลักก็ต้องวางแผนพัฒนาให้พร้อมเพื่อดึงให้ภาคการเกษตรยุคเก่าเข้าสู่ยุค 4.0 ไปพร้อมกัน

ปัจจุบันเกษตรกรของประเทศส่วนใหญ่ยังเป็นเกษตรกรรายย่อยและมีระดับการพัฒนาที่หลากหลาย ทำให้การพัฒนาและยกระดับภาคการเกษตรต้องอาศัยการกำหนดนโยบายและแผนที่สอดคล้องกับลักษณะของเกษตรกรแต่ละกลุ่ม

ข้อจำกัดนี้เอง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงได้กำหนดแนวทางรองรับการพัฒนาเกษตรกร โดยกลุ่มเกษตรกรขนาดกลางและขนาดใหญ่ มีความก้าวหน้าในการทำการเกษตรมีศักยภาพที่จะพัฒนาต่อยอดสู่เกษตร 4.0 ได้รวดเร็ว อย่างไรก็ตามจากข้อมูลผลการศึกษาของสถาบันการศึกษาหลายสถาบันเห็นพ้องต้องกันว่า เกษตรรายย่อยซึ่งยังมีจำนวนอยู่มากยังไม่สามารถก้าวข้ามเกษตร 2.0 ไปได้ จำเป็นต้องมีแนวทางและนโยบายในการพัฒนาเฉพาะ เช่น การสนับสนุนการรวมกลุ่มสร้างความเข้มแข็ง ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) การใช้กลไกสหกรณ์การเกษตรเป็นตัวขับเคลื่อนและสนับสนุนการพัฒนาของเกษตรกรรายย่อย และมีการดูแลตามสถานการณ์ เช่น อุทกภัย และภัยแล้งในช่วงที่ผ่านมา โดยภาครัฐให้ความช่วยเหลือและเยียวยาเร่งด่วนเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดกับเกษตรกร

สำหรับแนวทางการพัฒนาภาคการเกษตรสู่เกษตร 4.0 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีที่มาจากพื้นที่ทางการเกษตรที่มีอยู่อย่างจำกัด จึงจำเป็นต้องกำหนดแนวทางการทำการเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงได้วางรากฐานการทำการเกษตรด้วยเทคโนโลยี เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและผลิตภาพในภาคการเกษตร ควบคู่กับการใช้ศาสตร์พระราชามาเป็นภูมิคุ้มกันให้เกษตรกร

ตัวอย่างของการนำวิธีการบริหารจัดการสมัยใหม่และการใช้เทคโนโลยีนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ตลอด Supply Chain ได้แก่ โครงการส่งเสริมให้เกษตรกรทำการเกษตรแบบแปลงใหญ่ ซึ่งเป็นการสนับสนุนให้เกษตรกรรายย่อยมารวมกลุ่มรวมพื้นที่กัน ทำการเกษตรภายใต้การบริหารจัดการปัจจัยการผลิต การใช้เทคโนโลยีเครื่องจักรกล และการวางแผนการผลิตร่วมกันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โครงการปรับเปลี่ยนการผลิตในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม ไปปลูกพืชที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่โดยการทำ Zoning จากแผนที่ Agi-Map ควบคู่กับการยกระดับคุณภาพสินค้าเกษตรให้ได้มาตรฐาน อาทิ GAP และเกษตรอินทรีย์ และโครงการจัดตั้งศูนย์เกษตรอัจฉริยะ ซึ่ง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยจากญี่ปุ่นในการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการทำการเกษตรในประเทศไทย โดยจะทดลองใช้กับพืชสำคัญก่อน คือ ข้าว มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์

ทั้งนี้เป็นที่น่ายินดีที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังได้ส่งเสริมการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ควบคู่ไปกับการทำการเกษตรสมัยใหม่ด้วย เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและลดความเสี่ยงให้เกษตรกรจากสภาวะของตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ขอบคุณที่มา https://www.kasetkaoklai.com

ข่าวปักหมุด