หน้าแรก

สวัสดีค่ะแฟนเว็บฯมิตรผลโมเดิร์นฟาร์มทุกท่าน ข่าวสารมิตรชาวไร่วันนี้ขอมาอัพเดท ข่าวคราวความเคลื่อนไหวของการจำกัดการใช้ 3 สารเคมีที่ใช้ในการเกษตร ได้แก่ พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องของพี่น้องมิตรชาวไร่อ้อย ให้นำไปใช้ได้ถูกที่ ถูกทาง และถูกกฏหมายค่ะ

ตามที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติเห็นชอบให้จำกัดการใช้สารเคมี 3 ชนิด ได้แก่ พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส โดยมอบหมายให้กรมวิชาการเกษตรจัดทำแผนปฏิบัติการจำกัดการใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิด และคณะกรรมการวัตถุอันตรายได้มีมติเห็นชอบใน 6 มาตรการจำกัดการใช้ตามที่กรมวิชาการเกษตรเสนอ โดยกรมวิชาการเกษตรได้เสนอร่างประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จำนวน 5 ฉบับซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับมาตรการต่าง ๆ ทั้ง 6 มาตรการในการจำกัดการใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาค่ะ

ทั้งนี้ภายหลังจากประกาศฯ ทั้ง 5 ฉบับมีผลบังคับใช้แล้วจะมีผลกระทบต่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีทั้ง 3 ชนิด ได้แก่ เกษตรกรผู้ใช้ ผู้รับจ้างพ่น ผู้ขาย ผู้นำเข้า/ผู้ผลิต และพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งต้องปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าว โดยเฉพาะเกษตรกรผู้ใช้และผู้รับจ้างพ่นสารเคมีทั้ง 3 ชนิดต้องผ่านการอบรม และหรือผ่านการทดสอบความรู้ตามหลักสูตรการใช้สารเคมีอย่างถูกต้องและปลอดภัย โดยกรมวิชาการเกษตรเป็นผู้รับผิดชอบ

สำหรับมาตรการจำกัดการใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิด ได้กำหนดพืชที่ให้ใช้พาราควอต และไกลโฟเซต เฉพาะเพื่อกำจัดวัชพืชในการปลูกอ้อย ยางพารา ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง ข้าวโพด และไม้ผลเท่านั้น ส่วนคลอร์ไพริฟอส ให้ใช้เฉพาะกำจัดแมลงในการปลูกไม้ดอก พืชไร่ และเพื่อกำจัดหนอนเจาะลำต้นในไม้ผล รวมทั้งได้กำหนดพื้นที่ห้ามใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิด โดยห้ามใช้ในพื้นที่ปลูกพืชผักหรือพืชสมุนไพร พื้นที่ต้นน้ำ และพื้นที่สาธารณะ แต่มีข้อยกเว้นสำหรับหน่วยงานราชการ เช่น การรถไฟแห่งประเทศไทย กรมทางหลวงชนบท ที่ใช้สารกำจัดวัชพืช เพื่อกำจัดวัชพืชข้างทางรถไฟ และข้างถนน กรมวิชาการเกษตรได้เตรียมออกประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย แต่ต้องมาขออนุญาตเพื่อใช้สารกำจัดวัชพืช ตามพื้นที่และปริมาณที่กำหนดโดยตรงต่อกรมวิชาการเกษตร 

เรื่องการอบรมและการรับรู้ข้อมูลที่ถูกต้อง มิตรชาวไร่ไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะหน่วยงานราชการกำลังเร่งสร้างการรับรู้แก่เกษตรกรและผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งการฝึกอบรมที่เข้มข้น และการสร้างระบบฐานข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ภายหลังจากที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ เกษตรกรที่มีความจำเป็นต้องใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิดต้องแสดงหลักฐานว่าได้ผ่านการอบรม ชนิดพืชที่ปลูก พร้อมจำนวนพื้นที่ปลูกเพื่อกำหนดปริมาณสารเคมีที่จะซื้อ ให้มีความเหมาะสมกับความต้องการใช้ เพื่อนำไปแสดงเป็นหลักฐานในการซื้อสารเคมีทั้ง 3 ชนิด ส่วนผู้รับจ้างพ่นก็จะต้องผ่านการอบรมเช่นเดียวกัน โดยต้องมีใบอนุญาตรับจ้างพ่นค่ะ ทั้งนี้หากมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่พี่น้องมิตรชาวไร่ มิตรผลโมเดิร์นฟาร์มจะรีบนำมาอัพเดทให้ทราบโดยทั่วกันค่ะ.

ขอบคุณที่มา: https://www.moac.go.th/news-preview-411191791181

ข่าวปักหมุด