หน้าแรก

เรื่องนี้อาจจะไม่เกี่ยวกับวงการไร่อ้อยสักเท่าไหร่แต่มิตรผลโมเดิร์นฟาร์มอยากเสนอข่าวคราวความเคลื่อนไหวในภาคเกษตรกรรมในวงกว้างให้ผู้อ่านมิตรชาวไร่ได้เตรียมรับมือกับการพัฒนาที่ก้าวกระโดดของยุคปัจจุบันให้มากที่สุด

พูดถึงเรื่องอาหารสัตว์ ที่แต่เดิมใช้วัตถุดิบประเภทโปรตีนสูงจากปลา อาจจะถูกเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นแทน เนื่องจากสถิติ 10 เปอร์เซ็นต์ของปลาทะเลที่จับได้ในแต่ละปีหรือประมาณ 15 ล้านตัน ถูกนำไปใช้เป็นส่วนผสมของอาหารสัตว์ไม่ว่าจะเป็น สัตว์ปีก หมู หรือปลาที่เลี้ยงในฟาร์ม ซึ่งวัตถุดิบพวกนี้มีราคาแพงแถมยังมีต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมสูง ดังที่ปรากฏเป็นข่าวว่าทางประเทศตะวันตกได้ประณามการนำปลาป่นมาทำอาหารสัตว์ของบริษัทยักษ์ใหญ่ของไทยที่ทั้งทำลายสิ่งแวดล้อมและใช้แรงงาน

แต่ในอนาคตอาจจะถูกกฎระเบียบใหม่ให้เปลี่ยนไปใช้โปรตีนจากแมลงแทนก็เป็นได้ พระเอกของวงการอาหารสัตว์ที่จะมาช่วยกู้โลกก็คือ หนอนแมลงวันลาย (Black Soldier Fly) ซึ่งอาหารของมันนั้น เป็นเศษอาหารเหลือทิ้งจากบ้านเรือน ภัตตาคาร โรงแรม ซูเปอร์มาเก็ต ในแต่ละปีอาหารที่ผลิตในสหรัฐอเมริกากว่าครึ่ง ถูกทิ้งไปอย่างเปล่าประโยชน์ ดังนั้น การนำหนอนแมลงวันลายมาเปลี่ยนเศษอาหารให้เป็น โปรตีน เท่ากับว่า เราได้นำทรัพยากรที่ถูกทิ้ง เอากลับมาสร้างอาหารใหม่

จากประเด็นนี้ทำให้มีนักพัฒนาจากหลายประเทศ อาทิ ประเทศแอฟริกาใต้ ที่สร้างสตาร์ทอัพชื่อ อะกรีโปรตีน (AgriProtein) ได้ทดลองทำฟาร์มเลี้ยงหนอนแมลงวันลาย (Black Soldier Fly) โดยนำเศษอาหารต่างๆ ที่เหลือทิ้งจากภัตตาคาร นำมาเป็นอาหารให้หนอนแมลงวันลาย ปรากฏว่า หนอนแมลงวันลายเติบโตเร็วมาก ทั้งนี้ จากการทดลองนำไปให้ไก่กิน ปรากฏว่าไก่ชอบกินหนอนแมลงวัน มากกว่าอาหารไก่ที่มีส่วนผสมของปลาป่น และหนอนแมลงวันยังสามารถนำไปผสมเป็นอาหารหมูได้อีกด้วย ต่อมา สตาร์ทอัพแห่งนี้ ก็ได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากนักลงทุนในซิลิกอนวัลเลย์ ให้ไปเปิดฟาร์มเลี้ยงหนอนแมลงวันลาย 20 แห่ง ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยจะมีที่ตั้งใกล้ๆ เมืองใหญ่ เพื่อจะได้สามารถรวบรวมเศษอาหาร มาใช้เป็นวัตถุดิบในการเลี้ยงหนอน

สตาร์ทอัพฟาร์มแมลง-004.jpg

ข้ามมาฝั่งยุโรป ก็ได้มี บริษัทโปรติกซ์ (Protix) ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพแห่งประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่คิดจะเปลี่ยนแปลงทำให้วงการอาหารสัตว์ดีขึ้น ด้วยการเลิกใช้ปลาป่นแล้วหันมาใช้โปรตีนจากแมลงแทน สตาร์ทอัพแห่งนี้ได้รับเงินลงทุนกว่า 45 ล้านยูโร หรือ เกือบ 1,800 ล้านบาท เพื่อขยายกระบวนการผลิตหนอนแมลงวัน ซึ่งนำมาทำเป็นส่วนผสมอาหารสัตว์ โดยที่ผ่านมาได้ผลิตอาหารหมู อาหารไก่และอาหารสัตว์เลี้ยง โดยจะขยายกำลังผลิตเพื่อนำไปเป็นอาหารปลา ซึ่งขณะนี้ฟาร์มเลี้ยงปลาในยุโรปกำลังเป็นที่นิยมและมีการเติบโตสูง นอกจากนั้น บริษัทโปรติกซ์ยังคิดค้นวิจัย การผลิตโปรตีน ไขมัน และสารอาหารสำคัญ สำหรับใช้ในวงการอื่น ๆ อีก เช่น อาหารมนุษย์ อาหารเสริมของพืช เป็นต้น

สตาร์ทอัพฟาร์มแมลง-003.jpg

การผลิตหนอนแมลงวันนั้นจะใช้เศษอาหารซึ่งเก็บจากภัตตาคาร โรงแรม บ้านเรือน ซูเปอร์มาร์เก็ต นำมาเลี้ยงหนอนแมลงวัน ซึ่งนับว่าเป็นกิจการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาก ๆ เรียกได้ว่าเป็นธุรกิจที่น่าสนใจและคุ้มค่าเป็นอย่างมาก เพราะ (1) ต้นทุนต่ำ ใช้เศษอาหารมาเลี้ยงหนอน 
(2) เกิดธุรกิจกำจัดและรวบรวมเศษอาหาร (3) ได้หนอนที่เป็นอาหารสัตว์ (4) ได้ปุ๋ยอินทรีย์ เอาไปใช้ปลูกพืชได้อีก (5) เป็นอุตสาหกรรมต้นน้ำของอาหารสมัยใหม่ (สามารถผลิตสารอาหารความเข้มข้นสูงบางชนิด สำหรับทางเภสัชและการแพทย์)

เห็นอุตสาหกรรมแมลงของต่างประเทศคึกคักแบบนี้แล้ว ประเทศไทยที่มีแมลงหลากหลายสายพันธุ์ น่าจะมีสตาร์ทอัพแมลงสัญชาติไทยไปแข่งกับต่างชาติก็คงจะดีไม่น้อยนะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.facebook.com/smartfarmthailand

ข่าวปักหมุด