สวีดัส สวัสดี ค่าคุณผู้อ่านทุกคน ช่วงนี้มีใครปวดเศียรเวียนเกล้า กับข่าวคราวค่าฝุ่นเกินเหมือนทีมงานเราบ้างไหมคะ เปิดหน้าฟีดในโซเชียลมีเดียทีไร เจอแต่ปัญหาโรคแตกอย่างฝุ่น ที่ไม่รู้ว่าจะแก้ยังไงให้หาย เพราะก็เห็นมีฝุ่น ควัน หมอกหนาทุกปีในช่วงแล้งลมหนาวแบบนี้ ทว่า ยุคนี้เป็นยุค 4.0 แอปพลิเคชั่นตรวจวัดค่ามลพิษทางอากาศเข้าถึงได้ง่ายเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส ทำให้ประชาชนคนธรรมดาเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ง่ายขึ้น และที่สำคัญหนึ่งคนรู้อีกพันคนรู้เพียงไม่กี่นาที…แชร์กันวนไปค่ะ!
ในขณะที่ไทยกำลังง่วนอยู่กับการจัดการฝุ่น ข้างบ้านอย่างเวียดนาม ประเทศที่ส่งออกสินค้าเกษตรรายใหญ่อันดับ 2 ของอาเซียนรองจากพี่ไทย ที่เริ่มพัฒนาภาคเกษตรแบบจริงจังมาตั้งแต่ปี 2018 โดยลดข้อจำกัดการทำธุรกิจการเกษตรในประเทศลง 50% และออกข้อกำหนดความปลอดภัยด้านอาหารมากถึง1,096 ข้อ สำหรับสินค้าการค้าเกษตร 1,400 รายการ
ปีนี้นายกรัฐมนตรี เหวียนซวนฟุก แห่งเวียดนาม ประกาศตูมใหญ่ว่า เวียดนามจะต้องกลายเป็น 1 ใน 15 ประเทศที่มีพัฒนาการด้านการเกษตรมากที่สุดในโลก และเป็น 1 ใน 10 ประเทศชั้นนำด้านการแปรรูปอาหาร รวมถึงเป็นศูนย์กลางด้านการส่งออกไม้และผลิตกุ้งของโลกภายใน 10 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้เวียดนามจะเริ่มจากการปรับโครงสร้างของระบบการเกษตรภายในประเทศ โดยเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ประจำท้องถิ่น จังหวัดและระดับประเทศ ควบคู่ไปกับการสร้างจุดเด่นของสินค้าเกษตรในประเทศ เช่น ข้าวและกุ้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เวียดนามกำลังตามหลังไทยและกัมพูชาอยู่ รวมถึงจะนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้
เอาล่ะสิ เวียดนามตั้งเป้าหมายไว้พุ่งชนใหญ่โตขนาดนี้ พี่ใหญ่อย่างไทยจะว่าอย่างไร ภารกิจประเทศเรามีเรื่องให้รัฐบาลจัดการเยอะเหลือเกิน ทั้งเรื่องฝุ่น เรื่องเลือกตั้ง และอีกปัญหาที่รอการระบาย หากไทยยังมีแต่เรื่องต้องสะสางมากกว่ามุ่งเน้นพัฒนา คาดว่าอีกไม่นานอันดับ 1 ที่เคยครอบครองในด้านการส่งออกสินค้าเกษตรของอาเซียนอาจจะวูบไปได้นะคะเจ้านาย.
ขอบคุณที่มา: https://www.posttoday.com/world/576173?fbclid=IwAR3aIbMiqId83lyq4M1tTZaZph-GBeWyvbth6t4Zv5Jrtqd2i9Za7snn46o