สวัสดีค่ะพี่น้องมิตรชาวไร่ ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยมาก เดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อน มิตรผลโมเดิร์นฟาร์มขอให้มิตรชาวไร่ทุกคนใส่ใจสุขภาพ และอยากให้ระมัดระวังโรคระบาดที่อันตรายแต่ หากเรารู้จักวิธีสังเกตอาการบ่งชี้ และข้อควรระวังป้องกันการติดเชื้อได้อย่างท่วงที เราก็จะปลอดจากโรคไข้หวัดใหญ่ เพราะโรคนี้เมื่อติดเชื้อแล้วจะมีอาการรุนแรงและมีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนจนถึงขั้นเสียชีวิตได้มากกว่าโรคไข้หวัดทั่วไปค่ะ
โรคไข้หวัดใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza virus) ซึ่งเชื้อนี้มีหลายชนิดมากพอที่จะทำให้สามารถแยกไข้หวัดใหญ่ในคนได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ “ไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล” ซึ่งเป็นไข้หวัดใหญ่ที่พบกันมานานแล้ว แต่เชื้อโรคมีการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมได้ตลอดเวลา คนที่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ไปแล้วสามารถป่วยได้อีก อาการมักจะไม่รุนแรง เนื่องจากเรามีภูมิคุ้มกันอยู่บ้าง และ “ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009” ที่เกิดจากเชื้อไข้หวัดใหญ่ ชนิด เอช 1 เอ็น 1 (H1N1) ที่กลายพันธุ์จากเชื้อไวรัสตัวเดิม ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่มีภูมิคุ้มกัน และติดเชื้อในวงกว้าง ปัจจุบันได้กลายเป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลที่พบปะปนกับสายพันธุ์ต่างๆ ทั่วไป
การติดเชื้อไข้หวัดใหญ่จะคล้ายกับไข้หวัดทั่วไป คือ ติดต่อโดยการหายใจเอาละอองน้ำมูก น้ำลาย และเสมหะของผู้ป่วยที่ไอ หรือ จาม และการสัมผัสมือ หรือการใช้สิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ร่วมกับผู้ป่วย เช่น ผ้าเช็ดตัว แก้วน้ำ โทรศัพท์ ของเล่น รีโมตโทรทัศน์ เมื่อใช้มือมาขยี้ตา แคะจมูก เชื้อโรคก็จะเข้าสู่ร่างกายของเราได้โดยง่าย
โดยทั่วไปไข้หวัดใหญ่ มักจะมีอาการที่รุนแรงมากกว่าไข้หวัดธรรมดา โดยสังเกตได้จากอาการที่มักเกิดขึ้นทันทีทันใด ต่างจากไข้หวัดธรรมดามักจะมีอาการค่อยเป็นค่อยไป และที่สำคัญคือ ไข้หวัดใหญ่มักมีไข้สูงติดกันหลายวันโดยเฉพาะในเด็กจะมีไข้สูงลอยเกินกว่า 39-40 องศาเซลเซียสติดต่อกัน 3-4 วัน อาจมีอาการหนาวสั่นสะท้านร่วมด้วย ในขณะที่ไข้หวัดธรรมดาอาจมีไข้แต่ไม่สูงมากนัก เด็กโตและผู้ใหญ่มักมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลียอย่างมาก และเบื่ออาหาร
คือ การเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรค ได้แก่ โรคปอดอักเสบ และโรคสมองอักเสบ ซึ่งมักเกิดกับผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงคือ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคหัวใจ โรคปอด โรคเบาหวาน โรคไต โรคเอดส์ ฉะนั้นแล้วเราควรพบแพทย์ทันทีเมื่อทราบว่าเป็นไข้หวัดใหญ่
ส่วนเรื่องการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ ส่วนมากมักจะหายเอง หากมีอาการไม่รุนแรง อาจจะดูแลเองที่บ้านและรักษาตามอาการ เช่น เมื่อมีไข้สูงให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัว และใช้ยาลดไข้พาราเซตามอล หลีกเลี่ยงการใช้ยากลุ่มแอสไพรินนะคะ ถ้ามีน้ำมูกให้ใช้ยาลดน้ำมูกและยาละลายเสมหะ ดื่มน้ำให้เพียงพอ รับประทานอาหารอ่อน ๆ และให้นอนพักมาก ๆ ที่สำคัญไม่ควรออกกำลังกายค่ะ
หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 3 วัน เช่น ไข้สูงมากจนเพ้อ ซึม หายใจหอบหายใจลำบาก เจ็บแน่นหน้าอก หน้ามืด มีอาการขาดน้ำและดื่มน้ำไม่เพียงพอ ควรรีบไปพบแพทย์ เพราะอาจมีภาวะแทรกซ้อน หรืออาจมีสาเหตุมาจากโรคอื่น ๆ อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้น
แม้ไข้หวัดใหญ่จะมีอาการคล้ายไข้หวัดธรรมดา แต่เราไม่ควรประมาท เพราะหากเมื่อใดก็ตามที่ร่างกายรับไม่ไหว จนทำให้เกิดอาการแทรกซ้อน อาจเกิดอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้นหากมิตรชาวไร่หมั่นสังเกตอาการเจ็บป่วยของตนเองหรือคนในครอบครัว หากสันนิษฐานว่าจะได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่ ถ้าอาการไม่ดีขึ้นใน 2-3 วัน ควรไปพบแพทย์ดีที่สุดค่ะ
ด้วยความปรารถนาดีจาก มิตรผลโมเดิร์นฟาร์ม.
ที่มาข้อมูล-ภาพ
https://www.bangkokhospital.com/th/disease-treatment/influenza-prevention
http://reallifefitness.net/exercise-and-colds/