หน้าแรก

ในสถานการณ์ที่โลกต้องเผชิญทั้งปัญหาโรคระบาด(โควิด-19) ปัญหาเศรษฐกิจ และการเมือง ทำให้ประเทศต่าง ๆ ได้รับผลกระทบไม่น้อย ประเทศไทยเองก็ระส่ำระส่ายพอสมควร เพราะปัญหาผลกระทบจากปัจจัยหลายด้านส่งผลให้ภาพรวมของเศรษฐกิจในประเทศแย่ลงกว่าทุกปี

ด้านอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล ประเดิมต้นปีด้วยมติ ครม.เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2563 ที่เห็นชอบการกำหนดราคาอ้อยขั้นต้น และผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูกาลผลิตปี 2562/2563 ในอัตราอ้อยตันละ 750 บาท ณ ระดับความหวานที่ 10 ซี.ซี.เอส และกำหนดอัตราขึ้นลงของราคาอ้อยเท่ากับ 45 บาทต่อ 1 หน่วย ซี.ซี.เอส และผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูกาลผลิตปี 2562/2563 เท่ากับ 321.43 บาทต่อตันอ้อย

จากราคาอ้อยที่ตกต่ำ กระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการกำกับดูแลอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ทราบถึงความเดือดร้อนของพี่น้องชาวไร่อ้อย  โดยได้สั่งการให้ผู้บริหาร 4 องค์กรชาวไร่อ้อย ประกอบด้วย สหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย ชมรมสถาบันชาวไร่อ้อยภาคอีสาน สหสมาคมชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทยเข้าพบ เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย

ตัดอ้อนสด-003.jpg

โดยล่าสุด นายสุริยะ  จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) เร่งรัดเสนอโครงการเงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยเพื่อซื้อปัจจัยการผลิต ฤดูกาลผลิตปี 2562/2563 ภายใต้กรอบวงเงิน 10,000 ล้านบาท เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาให้ความเห็นชอบ โดยมีนโยบายในการให้ความช่วยเหลือเป็น 2 ส่วน คือ วงเงิน 6,500 ล้านบาท ช่วยเหลือปัจจัยการผลิต และวงเงิน 3,500 ล้านบาท
 ช่วยเหลือเฉพาะชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสด

ทั้งนี้ มั่นใจว่าการช่วยเหลือภายใต้โครงการดังกล่าว ชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสดส่งเข้าโรงงานจะได้รับราคาอ้อยมากกว่า 1,000 บาทต่อตันอ้อย   ซึ่งจะได้รับเงินค่าอ้อยมากกว่าอ้อยไฟไหม้อยู่ประมาณ 130 บาทต่อตันอ้อย  เพื่อสนับสนุนและจูงใจให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดก่อนส่งโรงงาน ยังเป็นการตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง  จากสถานการณ์ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 และเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยเฉพาะชาวไร่อ้อยรายเล็ก ให้สามารถเข้าถึงปัจจัยการผลิตที่จำเป็น และสามารถนำไปเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบอาชีพต่อไป

มิตรชาวไร่จะเห็นว่า ในปี 2563 รัฐมีเป้าหมายนำอ้อยสดเข้าหีบโรงงานน้ำตาล 50% ของผลผลิตรวม และจะเห็นว่ามาตรการส่งเสริมหรือสนับสนุนหลาย ๆ อย่างจากรัฐบาลเน้นช่วยเหลือกลุ่มตัดอ้อยสดมากกว่าอ้อยเผา ดังนั้นมิตรผลโมเดิร์นฟาร์มอยากเชิญชวนพี่น้องมิตรชาวไร่หันมาตัดอ้อยสดส่งอ้อยเข้าโรงงานกันเยอะ ๆ นะคะ นอกจากจะได้ราคาดีกว่า เพราะไม่โดนหักค่าอ้อยไฟไหม้ ค่าความหวานยังได้มาตรฐานดี และที่สำคัญช่วยลดปัญหาเรื่องฝุ่นซึ่งกวนกายกวนใจพี่น้องชาวไทยมาตลอดในช่วงที่ผ่านมานี้ด้วย

ที่มาข้อมูล-ภาพ

https://www.thansettakij.com/content/Macro_econ/419146

https://www.ocsb.go.th/th/cms/index.php?SystemModuleKey=production

https://www.robertishere.com/products/sugar-cane

ข่าวปักหมุด