ถือว่าค่อนข้างชัดเจนอย่างมากนะคะ สำหรับมาตรการลดการตัดอ้อยไฟไหม้ ที่สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) โดยนายเอกภัทร วังสุวรรณ เลขาธิการ สอน. ได้ออกมาเปิดเผยเมื่อเร็ว ๆ นี้ เพื่อตอบสนองต่อนโยบายของรัฐบาลที่ตั้งเป้าลดอ้อยไฟไหม้ให้เหลือ 0-5% ภายใน 3 ปี โดยปีที่หนึ่งคือ ฤดูกาลผลิต 2562/63 อยู่ที่ระดับ 50:50 ปีที่สองคือ ฤดูกาลผลิต 2563/64 นี้ ที่ทุกหน่วยงานต้องร่วมผลักดันให้ลดการเผาอ้อยก่อนตัดส่งเข้าระบบเพื่อหีบเป็นน้ำตาลทราย ให้ได้ตามเป้าหมาย 80:20 คือรับอ้อยสด 80%
มาตรการสำคัญที่รัฐบาลไม่ส่งเสริมอ้อยไฟไหม้คือ ชาวไร่ที่ตัดอ้อยไฟไหม้จะไม่ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเหมือนเช่นที่ผ่านมา ที่รัฐจะแบ่งเงินเป็น 2 ก้อน ช่วยต้นทุนการผลิต และเพิ่มเงินให้อ้อยสด แต่รอบใหม่นี้เงินจะมีก้อนเดียวช่วยเฉพาะอ้อยสด เบื้องต้นคาดว่าจะช่วยตันละ 130 บาท จากปริมาณอ้อยคาดเข้าระบบประมาณ 70 ล้านตัน ซึ่งอ้อย 80% อยู่ที่ 56 ล้านตัน จึงคิดเป็นวงเงิน 7,280 ล้านบาท โดยจะเสนอเข้าสู่คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย หรือ กอน. พิจารณา เพื่อเสนอให้นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม.ต่อไป
สำหรับการเปิดหีบตัดอ้อยเข้าระบบเดือนธันวาคม 2563 ต่อเนื่องถึงต้นปีหน้า นอกจากมาตรการจากภาครัฐแล้ว ผู้ประกอบการโรงงานน้ำตาลต่างสนับสนุนนโยบายลดปริมาณอ้อยไฟไหม้ โดยปัจจุบันมีโรงงานน้ำตาลหลายโรงประกาศรับซื้ออ้อยสดในราคาถึงตันละ 1,000 บาทต่อตันอ้อย โดยเฉพาะกลุ่มมิตรผล ที่นอกจากจะรับซื้ออ้อยสดตันละ 1,000 บาทแล้ว ยังประกาศรับซื้อใบอ้อย เพื่อใช้ในกระบวนการผลิตไฟฟ้าชีวมวล อีกตันละ 1,000 บาทด้วยเช่นกัน
ดังนั้นชาวไร่อ้อยต้องปรับตัว เพราะการตัดอ้อยสด นอกจากจะช่วยแก้ปัญหาฝุ่น P.M.2.5 ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ออกมาเตือนเรื่องสภาพอากาศในฤดูหนาวแล้ว ตัดอ้อยสดยังเพิ่มคุณภาพความหวาน ความสะอาด ช่วยให้ชาวไร่มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย
ขอบคุณที่มา: