สวัสดีปีใหม่ค่ะพี่น้องมิตรชาวไร่ทุกท่าน ปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นปีที่ท้าทายสำหรับพี่น้องเกษตรกรมาก ๆ อีกปีนึงเลยนะคะ ตั้งแต่ภาวะแล้ง ผลผลิตทางการเกษตรลดลง แล้วยังมีวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจต่าง ๆ โดยเฉพาะการท่องเที่ยว แต่พี่น้องเกษตรกรเครือข่ายตำบลมิตรผลร่วมพัฒนาและสมาชิกโครงการทำตามพ่อ ปลูกเพ(ร)าะสุขที่ถือเป็นกลุ่มต้นน้ำ หรือผู้ผลิตอาหารก็ได้รับผลกระทบไม่แพ้กัน
หลายปีมานี้พี่น้องเกษตรกรได้มุ่งมั่นพัฒนาพื้นที่แปลงเกษตรของตนเอง จนสามารถสร้างผลผลิตทางการเกษตรที่หลากหลาย กระจายสู่ผู้บริโภคทั้งในและนอกชุมชนได้เป็นจำนวนมาก มีรายได้เสริมเพิ่มขึ้น จำหน่ายสินค้าได้อย่างต่อเนื่อง บางรายแทบจะไม่ต้องทำตลาดเลย เพราะผลผลิตถูกจองไปหมดแล้ว แต่พอเจอวิกฤติโควิด-19 มีการใช้มาตรการเร่งด่วนในการป้องกันการแพร่ระบาด โดยการปิดสถานที่ที่เสี่ยงต่อการแออัด เบียดเสียด เพื่อจำกัดการรวมกลุ่มของผู้คน ก็ทำให้ “ตลาดชุมชน” ที่เป็นแหล่งกระจายสินค้าการเกษตรที่สำคัญถูกปิดไปด้วย แถมพฤติกรรมของผู้บริโภคในทุกวันนี้ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เพราะไม่มีใครอยากออกจากบ้าน ทำให้การจำหน่ายสินค้าการเกษตรก็ต้องหยุดชะงักไปในที่สุด และนี่แหละค่ะ คือ จุดเริ่มต้นของการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส เปลี่ยนวิถีเกษตรกรให้รู้จักกับตลาดออนไลน์มากขึ้น
วันนี้เราขอนำเสนอเรื่องราวการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของพี่น้องเกษตรกร มาถ่ายทอดให้ทุกท่านได้ฟังว่าแต่ละพื้นที่มีแนวทางการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตอย่างไรให้เหมาะสมกับวิถีใหม่ หรือที่เราเรียกว่า New Normal ที่เกิดขึ้นมาในสังคมสักระยะหนึ่งแล้ว
จากภาวะวิกฤติที่เกิดขึ้นนี้พี่น้องเกษตรกรฯ ต่างก็ได้เรียนรู้ถึงการปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วตลอดระยะเวลาเกือบครึ่งค่อนปีที่ผ่านมา รวมถึงจากการที่พี่น้องเกษตรกรฯ ร่วมประชุมสรุปบทเรียนการดำรงชีพและเอาตัวรอดในวิกฤติโควิด-19 ได้สะท้อนให้เห็นว่าผลผลิตทางการเกษตรที่ไม่สามารถนำออกไปจำหน่ายในตลาดได้ตามเดิมนั้น ส่งผลให้พี่น้องเกษตรกรขาดรายได้เสริมไม่น้อยเลยค่ะ ทำให้การที่จะเอาตัวรอดให้ได้อย่างยั่งยืนนั้น พี่น้องเกษตรกรฯ จึงต้องยอมที่จะเปลี่ยนวิถีชีวิตให้แตกต่างจากที่เคยเป็นอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าในอันดับต้น ๆ ที่จะต้องปรับเปลี่ยนนั่นก็คือ การค้าขายบน “ตลาดออนไลน์” เพราะถือเป็นทางออกเดียวที่ได้ผลดีที่สุดที่จะทำให้ผลผลิตจากแปลงเกษตรเดินทางไปหาผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว
สำหรับช่องทาง Social media ที่กลายมาเป็นตลาดออนไลน์ ค้าขายสินค้าเกษตรนั้น มีอะไรและของใครบ้าง ไปติดตามกันค่ะ
สามช่องทางนี้เป็นเพียงแค่ตัวอย่างเล็ก ๆ ของการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าแต่ “ตลาดออนไลน์” นั้นยังมีประโยชน์มากกว่าที่เราคิดนะคะ เพียงแค่พี่น้องเกษตรกรเปิดใจเรียนรู้เทคนิคการใช้ช่องทางออนไลน์เล็ก ๆ น้อย ๆ ก็สามารถขายสินค้าได้โดยไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้าน ซึ่งเป็นการช่วยลดต้นทุนการขายลงได้ และพื้นที่ตลาดออนไลน์นี้เองยังทำให้พี่น้องเกษตรกรได้ลูกค้าที่ไม่ใช่แค่ในชุมชน สามารถขยายออกไปนอกชุมชน หรือต่างประเทศได้อีกด้วย รวมถึงผู้บริโภคก็ยังเข้าถึงแหล่งผลิตอาหารและสินค้าการเกษตรได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง ทำให้มั่นใจได้ว่าสิ่งที่ซื้อไป มีคุณภาพ และเป็นอาหารปลอดภัยอย่างแท้จริง
สำหรับเรื่องราวที่ได้ถ่ายทอดให้พี่น้องมิตรชาวไร่ได้ฟังในครั้งนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นแรงบันดาลใจและไอเดียใหม่ ๆ ให้สำหรับท่านที่กำลังมองหาช่องทางการตลาดที่แตกต่างไปจากเดิม หรืออยากจะลองปรับใช้ควบคู่กันไป สำหรับท่านใดที่มีแหล่งจำหน่ายอยู่แล้ว ก็ลองนำเอาไอเดียเหล่านี้ไปทดลองใช้กันดูนะคะ เชื่อว่าคงไม่ใช่เรื่องยากเกินไปสำหรับหลาย ๆ ท่านที่คุ้นชินกับการท่องโลกออนไลน์และเล่น Social Media เป็นประจำอยู่แล้ว ไม่ว่าจะใช้ Facebook, Line หรือแอปพลิเคชั่นอื่น ๆ ก็สะดวก และเข้าถึงง่ายไม่แพ้กัน และที่สำคัญคงจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะช่วยสร้างรายได้เสริมให้กับทุกท่านได้ไม่น้อยเลยค่ะ
สุดท้ายนี้มิตรผลโมเดิร์นฟาร์มขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องเกษตรกรไทยทุกคน ให้สามารถปรับตัว และอยู่ได้ดีในภาวะวิกฤติที่กระทบกับคนทั่วโลกในขณะนี้ เพราะเราเชื่อว่าสุดท้ายแล้วถ้าพวกเรา “ปลูกสิ่งที่กิน และกินสิ่งที่ปลูก” ไม่ว่าวิกฤติจะรุนแรงแค่ไหน เราก็ยังมีอยู่มีกิน มีความมั่นคงทางอาหาร ทำให้เรามีเรี่ยวแรง ยิ้มสู้กับทุกปัญหาที่ผ่านเข้ามาทดสอบพวกเราได้ค่ะ
ที่มา : เครือข่ายตำบลมิตรผลร่วมพัฒนา จากวารสารมิตรชาวไร่