หน้าแรก

อากาศช่วงนี้เปลี่ยนแปลงแปรปรวนซะเหลือเกิน เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝน เดี๋ยวหนาว ยังไงก็ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะเพื่อนมิตรชาวไร่ทั้งหลาย…เรื่องของการเปลี่ยนแปลง มีทั้งเรื่องดีและไม่ดี วันนี้ MPMF มีเรื่องของการเปลี่ยนแล้วดีมาให้อ่านกันค่ะ นั่นคือ เรื่องของ พี่วิรัตน์ ต้อมคำ มิตรชาวไร่ภูหลวง ที่เปลี่ยนการทำไร่แบบสมัยก่อนมาเป็นทำไร่แบบมิตรผลโมเดิร์นฟาร์ม เปลี่ยนแล้วดียังไงไปติดตามกันค่ะ

วิรัตน์ ต้อมคำ มิตรชาวไร่ภูหลวง จบการศึกษาระดับ ปวช.จากการที่เป็นผู้ช่วยของพ่อในการทำไร่มามากว่า 10 ปี ถึงตอนนี้พี่วิรัตน์ทำไร่เองได้ผลผลิตปีละ 5 พันตันต่อไร่ จากจุดเปลี่ยนที่เห็นเพื่อนชาวไร่คนอื่นหันมาทำไร่แบบมิตรผลโมเดิร์นฟาร์มแล้วได้ผลผลิตดีขึ้น กอรปกับได้รับโอกาสจากมิตรผลให้ไปศึกษาดูงานที่ออสเตรเลีย ทำให้เห็นภาพการทำไร่อ้อยสมัยใหม่ชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น

  1. ระบบให้น้ำแบบเซ็นเตอร์พีวอท (Center Pivot) ซึ่งเป็นเครื่องให้น้ำขนาดใหญ่
  2. ระบบชลประทานที่ดีด้วยการปรับขนาดร่องปลูกให้ได้มากกว่า 1.85 เมตร
  3. การใช้เครื่องจักรกลและระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาบริหารจัดการในไร่ เพื่อลดแรงงานคน
  4. ระบบขนส่ง คือ การใช้ระบบราง มีรถไฟเข้ามาขนอ้อยตรงจากไร่ของเกษตรกรไปสู่โรงหีบ ไม่ต้องเสียเวลาในขั้นตอนอื่น ๆ

พี่วิรัตน์กล่าวว่า ครั้งแรกที่เห็นการทำไร่แบบมิตรผลโมเดิร์นฟาร์มไม่ใช่จากออสเตรเลีย แต่มาจากพ่อ เพราะพ่อของพี่วิรัตน์ได้ทดลองปลูกอ้อยแบบโมเดิร์นฟาร์มให้เห็นเป็นตัวอย่างก่อนแล้ว พอไปดูงานยิ่งทึ่งกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ชาวไร่ออสเตรเลียใช่ทำไร่อ้อย

ปัจจุบันพี่วิรัตน์มีพื้นที่ปลูกอ้อยประมาณ 500 ไร่ มีแปลงใหญ่ที่สุดประมาณ 42 ไร่ ซึ่งเตรียมทำเป็นแบบโมเดิร์นฟาร์ม เริ่มจากระยะห่างระหว่างร่องที่ 1.65 เมตรก่อน ค่อยไต่เป็นระดับ 1.85 เมตรตามแบบมิตรผลโมเดิร์นฟาร์ม ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้จะอาศัยเพียงแรงงานคนอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีเครื่องจักรเข้ามาช่วยทุ่นแรงด้วย

จากที่ได้ลองเปลี่ยนมาทำไร่แบบมิตรผลโมเดิร์นฟาร์มแล้วเห็นผลดีจริง ทำให้พี่วิรัตน์ ต้อมคำ กล่าวว่าหากอนาคตพ่อเลิกทำไร่และให้ตนดูแลทั้งหมด พี่วิรัตน์จะทำไร่แบบมิตรผลโมเดิร์นฟาร์มทั้งหมดแน่นอน  เพราะจากที่ทำแล้วผลผลิตดีจริง มีเงินมีทองใช้ไม่ขาดมือ ส่งเสียลูกเรียนได้ และที่สำคัญทำให้ตนเองหลงใหลในการทำไร่ จากที่ไม่ค่อยชอบกลายเป็นต้องลงไปตรวจตราดูไร่อ้อยของตนเองทุกวัน…เพราะเปลี่ยนแล้วดีนั่นเอง

ข่าวปักหมุด