คุณผู้อ่านสังเกตไหมคะว่า ทำไมชาวนา ชาวไร่ ถึงได้มีสุขภาพที่แข็งแรง เมื่อเทียบกับพนักงานที่นั่งทำงานในออฟฟิศแอร์เย็น ๆ นั่นเพราะพฤติกรรมการทำงานที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่เชื่อท่านลองสังเกตจากตัวท่านเองนะคะ ชาวไร่ที่ทำงานออกแรง เดินตรวจไร่ ทำงานในไร่ทุกวัน กับคนที่นั่งทำงานนิ่ง ๆ อยู่กับที่ โรคภัยถามหาใครมากกว่ากัน ทั้งหมดทั้งมวลยกความดีความชอบให้ “การออกกำลัง” โดยเฉพาะการเดินค่ะ เพราะการเดินมีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นมากมายต่อสุขภาพ ดังนี้ค่ะ
สองสามก้าวแรกจะกระตุ้นการปล่อยสารเคมีเพื่อเป็นเชื้อให้การการเดิน ชีพจรจะเร่งขึ้นราว 70-100 ครั้งต่อนาที กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตและให้ความอบอุ่นแก่กล้ามเนื้อ ไขข้อที่ฝืดและตึงจะคลายตัวลงเพื่อให้การเคลื่อนไหวทำได้ง่ายขึ้น เมื่อเราเคลื่อนที่ไป ร่างกายจะเผาผลาญพลังงาน 5 แคลอรี่ต่อนาที
ชีพจรจะเต้นเร็วขึ้น ร่างกายจะเผาพลาญพลังงานเพิ่มขึ้นเป็น 6 แคลอรี่ต่อนาที เมื่อเราก้าวเท้าได้มากขึ้น ความดันโลหิตที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจะช่วยขยายเส้นเลือด ทำให้เลือดและออกซินเจนเข้าสู่กล้ามเนื้อที่กำลัวใช้งานมากขึ้น
อุณหภูมิของร่างกายจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ เหงื่อเริ่มออก เมื่อเส้นเลือดส่วนที่ใกล้กับผิวหนังขยายขึ้น เริ่มปลดปล่อยความร้อนออกมา เมื่อเราเดินมากขึ้น จะเผาพลาญได้มากขึ้นไปจนถึง 7 แคลอรี่ต่อนาที และหายใจเร็วขึ้น สารโฮโมน เช่น เอฟพะเนฟฟริน (epinephrine) และกลูคากอน (glucagon) จะถูกปลดปล่อยออกมามากขึ้น เพื่อเพิ่มเชื้อให้กับกล้ามเนื้อที่กำลังใช้งานอยู่
จะรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้น ผ่อนคลายเมื่อร่างกายลดความตึงเครียดลง เพราะสารเคมีที่ทำให้รู้สึกดี เช่น เอนดอร์ฟิน (endorphines) เพิ่มขึ้นในสมอง เมื่อไขมันถูกเผาผลาญมากขึ้น อินซูลีนซึ่งช่วยสะสมไขมันจะลดลง ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีสำหรับคนที่มีน้ำหนักเกินและเป็นโรคเบาหวาน
กล้ามเนื้อของเราอาจจะรู้สึกเมื่อยล้า เมื่อปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่สะสมอยู่ลดลง เมื่อร่างกายของเราเริ่มเย็นตัวลง ชีพจรจะเต้นช้าและหายใจช้าลง อัตราการเผาผลาญพลังงานจะลดน้อยลง แต่ก็ยังสูงกว่าตอนที่เราเริ่มเดิน จำนวนแคลอรี่ที่เผาผลาญจะคงที่ไปอีกราวหนึ่งชั่วโมงทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัว
นี่คือผลดีจากการเดิน ไม่ว่าจะตั้งใจเดินออกกำลังกาย หรือเดินทำงานในไร่ในสวน ขอเพียงแค่เริ่มขยับ เท่ากับร่างกายได้รับประโยชน์จาก Movement ของเราอย่างแน่นอนค่ะ.
ที่มาข้อมูลจาก : เว็บไซต์โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์