ปัญหาฝุ่นควันในช่วงหน้าแล้งยังส่งผลกระทบต่อเนื่องหลายพื้นที่ แม้หน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนจะร่วมมือกันรณรงค์หามาตรการป้องกันลดผลกระทบเรื่องฝุ่น ควัน อย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหาฝุ่นควันกลับทุเลาเบาบางเพียงแค่เล็กน้อย ในบางพื้นที่เท่านั้น
สำหรับมิตรผลเอง เราได้รณรงค์ให้มิตรชาวไร่ของเราลดการเผาอ้อย ตัดอ้อยสด ส่งเข้าโรงงานด้วยมาตรการที่ส่งผลดีต่อมิตรชาวไร่หลายอย่าง ทั้งให้ค่าความหวานจากการตัดอ้อยสด การรับซื้อใบอ้อยมาทำเป็นเชื้อเพลิงชีวมวลในโรงงาน ซึ่งการรณรงค์ไม่เผาอ้อยก่อนตัดนี้ เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ช่วยลดปัญหาฝุ่นควันที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง พี่น้องมิตรชาวไร่สามารถเป็นส่วนหนึ่งในการลดปัญหาฝุ่นควัน โดยเฉพาะ PM 2.5 ได้ ด้วยสองมืองของเรา ด้วยวิธีง่าย ๆ เหล่านี้
มิตรชาวไร่ทราบหรือไม่ว่า สาเหตุอันดับ 1 กว่าร้อยละ 50-60 ที่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็กมาจากการขับขี่ยวดยานพาหนะบนท้องถนน เนื่องจากเมื่อยางรถยนต์เสียดสีกับพื้นถนนซึ่งเป็นยางมะตอยจะทำให้เกิดฝุ่นขึ้น อีกทั้งรถยนต์ยังปล่อยควันจากท่อไอเสียให้ออกมาลอยสู่ชั้นบรรยากาศ เราจึงสังเกตเห็นว่ายิ่งบริเวณไหนมีการจราจรติดขัดมาก ๆ อากาศบริเวณนั้นจะยิ่งขมุกขมัวไปด้วยฝุ่นละอองขนาดเล็ก
ดังนั้นหากเราลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวลงบ้าง แล้วหันมาใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะแทน หรือถ้าใครไปทางเดียวกันก็นั่งคันเดียวกัน และใช้รถส่วนตัวในกรณีที่จำเป็น จะช่วยลดปริมาณรถยนต์บนท้องถนนได้มาก และทำให้ฝุ่นละอองต่าง ๆ ลดน้อยลงด้วย
การติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ขณะจอดรถ ส่งผลให้ไอเสียที่ปล่อยออกมาจะมีมลพิษมากกว่ารถแล่นตามปกติถึง 5 เท่า จึงควรดับเครื่องยนต์ของยานพาหนะทุกชนิดเมื่อจอด โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในเขตชุมชน เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน พื้นที่มลพิษสูง เพื่อช่วยลดมลพิษทางอากาศ
มิตรชาวไร่ควรหมั่นตรวจสอบสภาพรถทุกคันในบ้าน ในไร่ เสมอ โดยเฉพาะเครื่องยนต์ดีเซล เพื่อไม่ให้ปล่อยควันดำเกินค่ามาตรฐานออกมา โดยควันดำเกิดจากรถยนต์มีสภาพเครื่องยนต์เก่า ชำรุด มีระบบจ่ายน้ำมันไม่เหมาะสม รวมทั้งไส้กรองอากาศสกปรก เกิดการอุดตัน ฯลฯ ซึ่งสิ่งที่มิตรชาวไร่ควรทำ ได้แก่
ทราบหรือไม่ว่า ทุกครั้งที่มีการสูบบุหรี่ ควันพิษและสารพิษจำนวนมหาศาลจะลอยอยู่ในอากาศ และเป็นตัวการที่ก่อให้เกิดละอองสารเคมีขนาดเล็ก ๆ ขณะที่ก๊าซชนิดต่าง ๆ ที่ถูกปล่อยออกมาพร้อมกัน เมื่อมีการเผาไหม้ยังจะก่อให้เกิดสารต่าง ๆ อีกกว่า 4,000 ชนิด ซึ่งล้วนแต่เป็นสารพิษที่ทำให้อากาศปนเปื้อนแทบทั้งสิ้น
พิษภัยจากควันธูป 1 ดอกนั้น ไม่ต่างกับบุหรี่ 1 มวน หรือถ้าจุดธูป 3 ดอกในบ้านที่มีการระบายอากาศไม่ดี มลพิษที่จะได้รับนั้นพอ ๆ กับสี่แยกที่มีการจราจรพลุกพล่านเลยทีเดียว เพราะธูปทำมาจากขี้เลื่อยผสมสารเคมี เมื่อจุดธูปจะเกิดการเผาไหม้ของขี้เลื่อย กาว และน้ำหอมในธูป สารต่าง ๆ หลายตัวจะถูกปล่อยออกมาคล้ายกับสารที่พบในควันบุหรี่ และควันพิษจากท่อไอเสียรถยนต์ เช่น ฝุ่นละอองขนาดเล็ก ก๊าซต่าง ๆ นอกจากจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคนที่สูดดมเข้าไปแล้ว ยังมีผลต่อสภาพอากาศโดยรอบอีกด้วย แต่ถ้าจำเป็นต้องจุดธูปจริง ๆ อาจใช้ธูปที่มีขนาดสั้นลง และรีบดับธูปให้เร็วขึ้น หรือใช้ธูปไร้ควันแทน
หากครอบครัวไหนสามารถใช้เตาแก๊สทำอาหารแทนการใช้เตาถ่านได้ จะสามารถลดควัน ซึ่งก่อให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็กลงได้ เพราะฉะนั้นในช่วงฝุ่น PM 2.5 สร้างปัญหากระจายทั่วทุกพื้นที่แบบนี้ ถ้าลดการใช้เตาถ่านได้ จะส่งผลดีต่อสภาพแวดล้อมโดยทั่วไปแน่นอน
การปลูกต้นไม้ ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ หรือไม้ประดับ ก็ช่วยดูดซับสารพิษในอากาศได้ และแน่นอนว่าสามารถดักจับฝุ่นละอองขนาดต่าง ๆ ได้ แถมยังฟอกอากาศให้สดชื่นขึ้น รวมถึงการรดน้ำต้นไม้ทุกวันก็ช่วยลดฝุ่นละอองได้ระดับหนึ่ง
ในที่นี้ไม่เพียงแต่การเผาอ้อย เผาหญ้า หรือเผาเศษวัสดุทางการเกษตรเท่านั้น การเผาขยะก็เรียกว่าการเผาในที่โล่งเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเผาอะไรก็ดี ล้วนสร้างปัญหาสิ่งแวดล้อมทั้งนั้น เพราะฝุ่น PM2.5 กว่า 35% เกิดจากการเผาไหม้ในที่โล่ง โดยเฉพาะในช่วงที่มลพิษทางอากาศสูงมาก ๆ ต้องหยุดการเผาเด็ดขาด เพราะจะยิ่งซ้ำเติมให้สภาพอากาศเลวร้ายลงไปอีก
ปัจจุบันมีกฎหมายควบคุมการเผาในที่โล่งออกมาควบคุมพฤติกรรมมักง่ายเหล่านี้ แต่ก็ยังมีหลายคนที่ละเลย และไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ยังคงนั่งยันนอนยันที่จะเผา เพื่อจัดการพื้นที่เกษตรอย่างผิด ๆ นอกจากจะสร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนพื้นที่ใกล้เคียงแล้ว ปัญด้านสุขภาพก็ตามมาอีกด้วย และที่สำคัญ หากเผาบ่อย ๆ ต่อไปท่านจะไม่สามารถใช้ประโยชน์จากที่ดินนั้นได้อีกเลย เพราะความอุดมสมบูรณ์ได้ถูกทำลายไปพร้อมกับเปลวไฟในแต่ละครั้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แม้วิธีเหล่านี้จะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย แต่หากทุกคนร่วมมือร่วมใจกันทำ ช่วยลด ละ เลิก พฤติกรรม ที่สร้างฝุ่น ควัน ให้เพิ่มขึ้นในอากาศ อนาคตปัญเรื่อง PM 2.5 จะไม่มากวนใจคนไทยอีกต่อไปแน่นอน
ที่มา ข้อมูล-ภาพ