จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 ตั้งแต่เมื่อปลายปี พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน จากการเริ่มต้นแพร่ระบาดในประเทศจีน ถึงตอนนี้ลุกลามไปหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งประเทศไทยเองก็เป็นหนึ่งในประเทศที่มีการระบาดรุนแรง จนควบคุมลำบาก ส่งผลให้ยอดสะสมของผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจำนวนมาก รวมถึงมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย
ทั้งนี้นอกเหนือจากการปฏิบัติตัวที่ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งการงดเดินทางหรือไปในพื้นที่เสี่ยง การสวมหน้ากากอนามัยหรือผ้าปิดปากปิดจมูก การหมั่นล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำสบู่ หรือเจลทำความสะอาดแล้วแต่ความสะดวก เน้นการกินร้อน ช้อนใครช้อนมัน เพื่อป้องกันเชื้อโรคที่แพร่ทางสารคัดหลั่งของผู้ป่วยที่เป็นพาหะนำโรค “Social Distance” หรือ “ระยะห่างทางสังคม” ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่หลายหน่วยงานทั่วโลกต่างร่วมใจกันรณรงค์ให้ประชาชนปฏิบัติ เพื่อลดความเสี่ยงติดเชื้อโรคโดยไม่จำเป็น
ตามหลักการแพทย์และการจัดการโรคระบาดด้วยการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distance) เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะในบรรดากิจกรรมที่เข้าข่ายการเว้นระยะห่างทางสังคมนี้ หลายกิจกรรมเป็นเรื่องที่เราหลีกเลี่ยงได้เลยแทบจะในทันที แค่ไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงในสถานที่พลุกพล่าน มีผู้คนมากมาย โดยเฉพาะเป็นคนที่เราไม่รู้ที่มาที่ไป เพราะทราบกันดีว่า โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 นี้ มีความสามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนได้ผ่านสารคัดหลั่งทางการไอ จาม สัมผัส น้ำมูก น้ำลาย ดังนั้น จึงต้องลดความเสี่ยงที่จะติดโรคสู่กันด้วยการเว้นระยะห่างออกจากกันกว่าที่เคย เพื่อไม่ให้ละอองฝอยกระเด็นไม่ถึงกัน โดยระยะห่างที่ "เหมาะสม" แพทย์แนะนำให้อยู่ห่างกัน 2 เมตรได้ คือ ดีมาก
Social Distance หรือ ระยะห่างทางสังคม ทำได้อย่างไรบ้าง?
ดังนั้นช่วงนี้ขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือและมีความรับผิดชอบต่อสังคมด้วยการสร้าง Social Distance หรือระยะห่างทางสังคม เพื่อช่วยให้ประเทศของเราผ่านสถานการณ์ครั้งนี้ไปได้ให้เร็วที่สุด
ขอบคุณที่มา: