ปี 2563 เป็นหนึ่งในปีที่เทคโนโลยีดิจิทัลมีอิทธิพลอย่างมากกับทั้งภาคเศรษฐกิจและภาคสังคมทั่วโลก ทั้งการดำเนินชีวิตของผู้คนและแนวทางการดำเนินธุรกิจขององค์กรที่มีการนำเทคโนโลยีไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์มากยิ่งขึ้น ซึ่งในปี 2564 ที่กำลังจะมาถึง เราก็จะได้เห็นนวันตกรรมใหม่ ๆ แห่งอนาคตกันอีก โดยเทคโนโลยี Cloud ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการรองรับเทคโนโลยีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี AI, IoT, VR/AR, 5G เพื่อนวัตกรรมโครงข่ายแห่งอนาคต เนื่องจาก Cloud เป็นดั่งรันเวย์ที่เสริมพลังการขับเคลื่อนด้านการประมวลผลให้แก่ เทคโนโลยีเหล่านี้ โดยจะมีเทรนด์ดิจิทัลเทคโนโลยีสำคัญถึง 10 เทรนด์ และจะเป็นการกำหนดอนาคตของการสร้างโลกอัจฉริยะอย่างครอบคลุมในปี 2568
10 เทรนด์ เทรนด์นวัตกรรมมีอะไรบ้าง?
- ใช้ชีวิตกับหุ่นยนต์ (Living with Bots) : ความก้าวหน้าทางด้านวัสดุศาสตร์ การเรียนรู้ของเอไอ และเทคโนโลยีเครือข่ายต่าง ๆ ส่งเสริมให้มีการใช้งานหุ่นยนต์ในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งการเป็นผู้ช่วยในบ้านและผู้ช่วยส่วนตัว และคาดการณ์ว่าทั่วโลกจะมีอัตราการใช้งานหุ่นยนต์ตามบ้านร้อยละ 14
- ซูเปอร์ไซต์ (Super Sight) : การผนวกรวม 5G, VR/AR, แมชชีนเลิร์นนิ่ง และเทคโนโลยีใหม่อื่น ๆ จะช่วยให้เรามองข้ามระยะทาง ความผิดสัดส่วน พื้นผิว และก้าวไปไกลกว่าที่เคย เปิดมุมมองการมองเห็นของผู้คน ธุรกิจ และวัฒนธรรมที่หลากหลาย โดยคาดว่าจำนวนบริษัทที่ใช้ AR/VR จะเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 10
- ซีโรเสิร์ช (Zero Search) : เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ดีไวซ์ที่ขับเคลื่อนด้วยดาต้าและมีเซนเซอร์ เริ่มมีความสามารถในการคาดการณ์สิ่งที่เราต้องการ คำตอบจะปรากฏให้เห็นในแบบที่คุณไม่ต้องถามเลยด้วยซ้ำ การค้นหาในอนาคตจะไม่มีปุ่มกด เครือข่ายสังคมส่วนบุคคลจะสร้างขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย และอุตสาหกรรมก็จะได้ประโยชน์จาก “การบำรุงรักษาที่ไม่ต้องค้นหา หรือที่เรียกว่า Zero-Search คาดว่าเจ้าของสมาร์ทดีไวซ์ร้อยละ 90 จะใช้ผู้ช่วยส่วนตัวอัจฉริยะ
- ถนนเฉพาะ (Tailored Streets) : ระบบการเดินทางอัจฉริยะต่าง ๆ จะเชื่อมโยงผู้คน ยานพาหนะ และสาธารณูปโภค ทำให้การจราจรไม่แออัด สนองตอบต่อเหตุฉุกเฉินได้รวดเร็ว พร้อมฟังก์ชันอื่น ๆ ที่จะทำให้ชีวิตราบรื่นยิ่งขึ้น ยานพาหนะร้อยละ 15 จะมีเทคโนโลยี Cellular Vehicle-to-Everything หมายถึง การที่รถยนต์หรือพาหนะในการเดินทางสามารถสื่อสารกับทุกสิ่งรอบข้างได้
- ทำงานกับหุ่นยนต์ (Working with Bots) : หลังจากที่ได้พลิกโฉมหน้าอุตสาหกรรมจำนวนมากไปแล้ว ระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ (Smart Automation) จะเข้ามาช่วยงานที่ต้องอาศัยความแม่นยำสูง การทำงานซ้ำ ๆ และอันตรายมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการผลิต และในอุตสาหกรรมจะมีหุ่นยนต์ 103 ตัวต่อพนักงานทุก ๆ 10,000 คน
- การสื่อสารแบบต่อเนื่อง (Frictionless Communication) : เอไอและระบบการวิเคราะห์บิ๊กดาต้าจะสร้างการสื่อสารที่ไร้รอยต่อระหว่างบริษัทและลูกค้า รวมถึงทลายกำแพงทางภาษา ความเที่ยงตรง ความเข้าใจ และความเชื่อใจ จะกลายเป็นรากฐานของการสื่อสารในอนาคต คาดการณ์ว่าร้อยละ 86 ขององค์กรจะใช้ประโยชน์จากดาต้าของตัวเองอย่างเต็มที่
โดยเทรนด์เทคโนโลยีที่น่าจับตามองต่อจากนี้ครอบคลุม 4 เทรนด์หลักที่จะส่งผลต่อภาคเศรษฐกิจและภาคสังคมของทั้งประเทศ คือ
- ความคิดสร้างสรรค์แต่งเสริม (Augmented Creativity) : เอไอคลาวด์จะช่วยลดต้นทุนและอุปสรรคในการเข้าถึงการทดลองทางวิทยาศาสตร์ นวัตกรรม และศิลปะ เปิดขุมทองแห่งโอกาสการสร้างสรรค์สำหรับทุกคน องค์กรขนาดใหญ่มากกว่า 97% จะเริ่มนำปัญญาประดิษฐ์มาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการ ลดต้นทุน รวมถึงส่งมอบประสบการณ์ใช้งานที่ดีขึ้นให้แก่ลูกค้า
- เศรษฐกิจการอยู่ร่วมกัน (Symbiotic Economy) : บริษัททั่วโลกกำลังนำเทคโนโลยีดิจิทัลและ
แอปพลิเคชันอัจฉริยะบนแพลตฟอร์มการเข้าถึงแบบเดียวกันมาปรับใช้ การใช้ระบบเดียวกันนี้จะทำให้เกิดความร่วมมือที่ยิ่งใหญ่มากขึ้น การแบ่งปันทรัพยากร อีโคซิสเต็มระดับโลกที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และผลิตผลที่สูงขึ้น บริษัทส่วนใหญ่จะใช้เทคโนโลยีคลาวด์ และแอปพลิเคชันทางธุรกิจร้อยละ 85 จะอยู่บนคลาวด์
- การติดตั้งใช้งาน 5G อย่างรวดเร็ว (5G’s Rapid Rollout) : มีการคาดการณ์ว่าอีก 5 ปีข้างหน้า จะมีสถานีฐานสำหรับการให้บริการ 5G ถึง 6.5 ล้านสถานีทั่วโลก รองรับการให้บริการผู้ใช้งานได้มากถึง 2,800 ล้านคน ครอบคลุมจำนวนประชากรโลกถึง 58% นำมาซึ่งโอกาสอันยิ่งใหญ่ทั้งสำหรับบุคคล ธุรกิจ และสังคม
- การกำกับดูแลด้านดิจิทัลทั่วโลก (Global Digital Governance) : เมื่อเครือข่าย 5G แพร่หลายมากขึ้น จะส่งผลให้ปริมาณข้อมูลในแต่ละปีมีจำนวนสูงถึง 180 เซตตะไบท์ (หรือ 180,000 ล้านเทระไบต์) จึงต้องมีขั้นตอนการบริหารจัดการข้อมูลที่รับมากยิ่งขึ้น รวมทั้งมาตรการป้องกันการละเมิดทางข้อมูลที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย
5G+CLOUD+AI+IoT = Foundation of Digital Economy
สำหรับอีโคซิสเต็มของเทคโนโลยี Cloud ผสานนวัตกรรม AI และ IoT ยุคใหม่ จะช่วยลดต้นทุน เสริมประสิทธิภาพ และพัฒนาคุณภาพบริการแก่ธุรกิจไทย ผลักดันทุกภาคอุตสาหกรรมทั่วประเทศสู่ยุค “อัจฉริยะ” อย่างสมบูรณ์แบบ ภายใน 5 ปี อุตสาหกรรมธุรกิจในภาพรวมจะปรับมาใช้งาน Cloud อย่างเต็มตัว นำไปสู่การเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยประเด็นเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล ความเร็วในการรับส่งข้อมูล รวมถึงอีโคซิสเต็มของ Cloud จะเป็นสิ่งที่บรรดาผู้ให้บริการ Cloud ต้องให้ความสำคัญในอนาคต
เพราะปัจจุบันการเข้ามาของเทคโนโลยีนั้นสามารถส่งแรงกระเพื่อมต่อทุกวงการ ชนิดที่เรียกว่าเป็นการปฏิวัติสังคมเลยก็ว่าได้ ลองจินตนาการในยุคที่มีเซ็นเซอร์หลายล้านชิ้นอยู่รอบตัวเรา รถยนต์ขับเคลื่อนโดยไม่มีคนขับ, แพทย์สามารถรักษาคนไข้ได้แม้จะอยู่ห่างไกลหลายร้อยหลายพันกิโล, โรงงานที่มีระบบการผลิตอัตโนมัติที่ไม่ใช้แรงงานคน, เทคโนโลยีความบันเทิงเสมือนจริง นอกจากนี้ยังไม่รวมถึงการบริหารจัดการเมืองและชุมชมด้วยระบบอัจฉริยะ ทั้งหมดนี้จะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน และสุดท้ายขอฝากถึงพี่น้องมิตรชาวไร่ทุกท่าน เพราะโลกไม่เคยหยุดหมุนและนาฬิกาก็ไม่เคยหยุดเดิน เราจะต้องคอยอัพเดทเทคโนโลยีและเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ให้ทัน เราจะได้ไม่เอ้าท์!นะคะ
ผู้เขียน คุณดาวรุณี ศรีงาม เจ้าหน้าที่กลยุทธ์กลุ่มธุรกิจอ้อย
ขอบคุณที่มา :
https://medium.com/vsinghbisen/
https://www.huawei.com/
https://www.khundee.com/