สวัสดีค่ะมิตรชาวไร่ อย่างที่มิตรชาวไร่ทราบกันดีว่าวัชพืชเป็นปัญหาหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการปลูกอ้อยและส่งผลให้ผลผลิตของอ้อยลดต่ำลง รวมถึงการที่ต้นทุนเพิ่มสููงขึ้น เนื่องจากการกำจัดวัชพืชไม่ทันตามเวลา ซึ่งความเสียหายจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของวัชพืชและอายุอ้อยในขณะนั้น ทั้งนี้การที่จะปลูกอ้อยให้ได้ผลดีนั้นจำเป็นต้องมีการบริหารเพื่อจัดการวัชพืชให้ได้ประสิทธิภาพ
เทคโนโลยีสมัยใหม่วันนี้ จะพามิตรชาวไร่ไปรู้จักกับเทคโนโลยีที่จะช่วยกำจัดวัชพืชในไร่อ้อยได้อย่างมหัศจรรย์ นั่นคือ Carbon Robotics Autonomous Weeder พัฒนาโดยบริษัท Carbon Robotics ซึ่งเป็นบริษัทที่พัฒนาด้านเทคโนโลยีจักรกล ได้เปิดตัวหุ่นยนต์กำจัดวัชพืชรุ่นที่สามซึ่่งรวม AI และเทคโนโลยีเลเซอร์เข้าด้วยกันเพื่อดูแลจัดการปัญหาวัชพืช
โดยแนวคิดในการพัฒนามาจากการพบปะกับกลุ่มเกษตรกรและพูดคุยเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายและระบบอัตโนมัติโดย Paul Mikesell ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของบริษัท หุ่นยนต์ตัวเดียวสามารถกำจัดวัชพืชได้มากถึง 16 เอเคอร์ ต่อวัน (40.48 ไร่) แต่ละคันมีน้ำหนักประมาณ 10,000 ปอนด์ (4,536 กิโลกรัม) และมีขนาดเท่ากับรถแทรกเตอร์ขนาดกลาง พร้อมติดตั้งเทคโนโลยีเลเซอร์คาร์บอนไดออกไซด์ 150 วัตต์แปดตัวที่สามารถตัดโลหะได้ควบคู่ไปกับเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์วิชั่น (computer vision) เพื่อจำแนกวัชพืชและแยกแยะวัชพืชออกจากพืชผล
Mikesell เชื่อว่า Carbon Robotics อยู่ในระดับแนวหน้าของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์วิทัศน์ซึ่งเป็นชนิดเดียวกับที่ใช้ในรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตนเองใช้ระบุตำแหน่งคนเดินถนน หรือเลนบนทางหลวงมาใช้กับการจัดการวัชพืชด้วยการพัฒนา ระบบแสงที่ทรงพลังมาก ๆ ที่เชื่อมต่อกับกล้องเพื่อให้ได้คุณภาพของภาพที่มีความแม่นยำในการทำงานทั้งกลางวันและกลางคืน
คุณประโยชน์สำคัญสำหรับเกษตรกร
1. ผลผลิตและคุณภาพที่เพิ่มขึ้น เลเซอร์ทำให้จุลชีววิทยาของดินไม่ถูกรบกวน ไม่เหมือนการไถพรวน การขาดสารกำจัดวัชพืชและการหยุดชะงักของดินเป็นการปูทางสำหรับแนวทางการปฏิรูปซึ่งนำไปสู่พืชผลที่แข็งแรงและผลผลิตที่สูงขึ้น
2.การลดต้นทุนโดยรวมหุ่นยนต์อัตโนมัติ ช่วยให้เกษตรกรลดต้นทุนการใช้แรงงานคนที่มีความผันแปรสูง รวมทั้งลดการใช้ปัจจัยการผลิตพืชผล เช่น สารกำจัดวัชพืชและปุ๋ย แรงงาน มักเป็นต้นทุนที่ใหญ่ที่สุดของเกษตรกรและปัจจัยการผลิตพืชผลคิดเป็น 28.2% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด การลดต้นทุนทั้งสอง ส่วนนี้ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมาก
3. แนวปฏิบัติด้านเกษตรกรรมปฏิรููปสารเคมีแบบดั้งเดิมที่เกษตรกรใช้ เช่น สารกำจัดวัชพืช ทำให้สุขภาพดินเสื่อมโทรมและเชื่อมโยงกับปัญหาสุขภาพของมนุษย์และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่น ๆ การจัดการวัชพืชแบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วยเลเซอร์ช่วยลดการใช้สารกำจัดวัชพืชของเกษตรกรได้
4. เส้นทางเศรษฐกิจสู่เกษตรอินทรีย์ อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดประการหนึ่งของการทำเกษตรอินทรีย์ คือ การควบคุมวัชพืช ที่คุ้มค่า วิธีแก้ปัญหาสำหรับการจัดการวัชพืชที่ไม่ต้องใช้สารกำจัดวัชพืชหรือใช้แรงงานคน ทำให้เกษตรกรโอกาสที่ทำการเกษตรแบบอินทรีย์มากยิ่งขึ้น
ณ ปัจจุบัน Carbon Robotic ยังเป็นเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมัน ซึ่งเราคาดหวังว่าตัวเครื่องจะถูกออกแบบให้ใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมดเพื่อมุ่งเป้าไปสู่การลดภาวะมลพิษที่มีต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
วัชพืชในพืชอ้อย นับเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผลผลิต หากไม่ดูแลกำจัดตั้งแต่ต้น อาจทำให้ผลผลิตลดลงถึง 50% (หากขาดการควบคุมนาน 12 สัปดาห์) ซึ่งในปัจจุบันผู้เพาะปลูกส่วนใหญ่ใช้วิธีการกำจัดวัชพืชด้วยการใช้สารเคมี การได้เครื่องช่วยกำจัดวัชพืชอัจฉริยะ Carbon Robotic จะช่วยลดปัญหาสารเคมีปนเปื้อนที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพพืชหลัก รวมไปถึงพื้นที่ดินปลูกอีกด้วย
ในส่วนข้อจำกัดของตัวเครื่องกับพืชอ้อย อาจจะนำมาใช้กำจัดวัชพืชได้ในช่วงก่อนอ้อยงอก หรือในช่วงอายุ 1-2 เดือน เพราะอ้อยยังมีความสูงไม่มากนัก
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับเทคโนโลยี Carbon Robotics Autonomous Weeder เครื่องยนต์อัจฉริยะกำจัดวัชพืชแบบไร้สารเคมีที่ มิตรผลโมเดิร์นฟาร์มนำมาฝากในวันนี้ ครั้งหน้าหากมีเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมที่ทันสมัยและเป็นประโยชน์ต่อมิตรชาวไร่ เราสัญญาว่าจะนำเรื่องราวเหล่านั้นมาฝากอีกแน่นอนค่ะ
ที่มา : วารสารมิตรชาวไร่เขียนโดย คุณดาวรุณี ศรีงาม เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ภายใน
https://www.rockingrobots.com/