งานวิจัยเกี่ยวกับคาร์โบไฮเดรตและแป้งอยู่แล้วก็เลยมองเห็นเม็ดมะขามที่เหลือทิ้งมากมายแต่ไม่เคยนำมาทำให้เป็นประโยนช์มากถึงปีละ 150,200 ตันเลยทีเดียว

เพราะในเม็ดมะขามมีแป้ง ได้เริ่มงานวิจัยชิ้นนี้มาเมื่อปี 2556

ทุนของสำหนักงานวิกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว)และ บ .มะขามปิ่นเพชร จนกระทั่งปี58จึงได้สารสกัดที่นำมาด้วยคุณประโยนช์มากมายรศ.ดร.วุฒิชัย นาครักษา ประจำภาควิชา อุตสาหกรรมเกษตรสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ยังเล่าถึงที่มาของการเพิ่มมูลค่าเม็ด มะขามเริ่มจากนำเม้ดมะขาม มากะเทาะเปลือกออกแล้วนำเนื้อมะขามที่ได้มาบดให้ละเอียดสกัดด้วยเทคโนโลยีเฉพาะโดยแอลกอฮอล์ 10-20นาทีจากนั้นนำมาอบเพื้อให้ได้ เจอโรส หรือสารเฮมิเซลลูโลส(แป้งเซลลูโลสไม่สมบูรณ์มักจะพบเฉพาะในพืช)ที่มีการซื้อขายกันในราคา ก.กละ 5,000-12,000

เพราะมีคุณสมบัติทนต่อความร้อน กรด อุ้มน้ำได้สูงอีกด้วยและยังต้านแรงเฉียดได้ดีมากประกอบด้วยน้ำตาลและเส้นใยอาหารหลายชนิด มีฤทธิ์เป็นยาระบายทำลายพยาธิได้อีกด้วยเม็ดมะขาม 1 กก.สามารถสกัดได้เจลโรสได้ 50-60%และประเดิมนำมาใช้ประโยนช์ร่วมกับเอกชนพัฒนาผลิตภัณฑ์ไอกรีมเจลาโต้(ไอศกรีมไขมันต่ำละลายช้ารสมะขามอีกด้วย

โดยนำเจลโรสมาผสมในไอศกรีมแทนไขมัน เพื่อสร้างความเข้มหนืดคงตัวและละลายช้าทดแทนบีบกัมหรือสารสกัดจากถั่วนำเข้าจากต่างประเทศทำให้ไอศกรีมเจลาโต้สไตล์อิตาเลียน ขนาด100กรัมราคาลดลงมาเหลือ20บาทจนคว้ารางวัลรองชนะเลิศจากการประกวดสุดยอดนวัตกรรมอาหารไทย ประจำปี 2559จากกระทรวงอุสาหกรรม

เห็นไหมล่ะครับว่าเม็ดมะขามแค่นี่ก็สามารถกลายเป็นผลิตภัณฑ์ ที่คว้ารางวัลมาครองได้ขนาดนี้ เพราะฉะนั้นอย่าดูถูกของที่ไม่มีค่า เป็นการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรอีกทางหนึ่งและรายได้ดีมากๆด้วย

ขอบคุณที่มา: upyim.co