- เทคโนโลยีสมัยใหม่
- อ., 16 ก.พ. 64
โครงการเกษตรกรรมอัจฉริยะใน เขตอิวาตะ ประเทศญี่ปุ่น เกิดจากการร่วมมือกันสร้างสรรค์โมเดลธุรกิจเพื่อการเกษตรเข้มแข็งและสามารถปรับตัวได้โดยใช้ประโยชน์จากแหล่งความรู้อันหลากหลายโครงการเกษตรกรรมอัจฉริยะในเขตอิวาตะเกิดจากการร่วมทุนกันระหว่าง บริษัทฟูจิตสึ โอริกซ์ และมาสึดะ ซีด โดยบริษัทชั้นนำ 3 บริษัทได้จับมือกันจัดทำโครงการนวัตกรรมทางเกษตรกรรม โดยบริษัทแรกเป็นบริษัทที่มีเครือข่ายการจัดจำหน่ายสินค้าทางการเกษตรที่แข็งแกร่ง ส่วนบริษัทที่สองเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจด้านเรือนเพาะชำพืชการเกษตรที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาเมล็ดพันธุ์ที่หลากหลาย และบริษัทที่สามคือบริษัทที่ให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่มีทักษะความชำนาญในด้านเทคโนโลยีดิจิตอล
นาย มาซายูกิ คุราชินา ผู้จัดการทั่วไป แผนกธุรกิจการเกษตรบริษัท โอริกซ์ คอร์ปอเรชั่น และ กรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท มาสึดะ ซีด จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ ต้องการผลักดันพืชผลและเมล็ดพันธุ์อันหลากหลายของญี่ปุ่นเข้าสู่ตลาดระดับโลก โดยการวางตัวโครงการใหม่นี้ให้เป็นห้องแสดงสินค้าพืชผลและเมล็ดพันธุ์ นั่นเป็นสิ่งที่ดึงดูดให้เข้ามามีส่วนร่วมในโครงการสร้างสรรค์ธุรกิจร่วมกันนี้
ปัญหาด้านโครงสร้างที่ซ่อนอยู่ในตลาดการส่งออกผลผลิตการเกษตรอันแข็งแกร่งของญี่ปุ่นการส่งออกของโภคภัณฑ์ทางการเกษตรที่เจริญเติบโตของญี่ปุ่นอันเนื่องมาจากความนิยมในอาหารญี่ปุ่นที่ขยายวงกว้างไปทั่วโลกส่งผลให้ตัวเลขส่งออกในปี 2015 อยู่ที่ 443,200 ล้านเยน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 24.2 จากปีก่อน หากดูจากตัวเลขอย่างเดียว ก็อาจกล่าวได้ว่าอุตสาหกรรมการเกษตรของญี่ปุ่นนั้นมีอนาคตที่สดใสมาก แต่หากวิเคราะห์ให้ถี่ถ้วนขึ้นก็จะพบว่า อุตสาหกรรมนี้มีปัญหาทางด้านโครงสร้างที่ซ่อนอยู่ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการแก้ไข หากยังต้องการที่จะเจริญเติบโตต่อไปเรื่อยๆปัญหาประการแรกคือ องค์กรการเกษตรส่วนใหญ่มีขนาดเล็กและขาดแคลนทรัพยากรเพื่อใช้ลงทุนในการพัฒนานวัตกรรม และการผลักดันให้อุตสาหกรรมนี้เจริญเติบโตสูงขึ้น
นอกจากนี้ ปัญหาที่สำคัญอีกอย่างคือ เกษตรกรชาวญี่ปุ่นในปัจจุบันเริ่มชราภาพลงไปทุกวันและหากคนรุ่นใหม่ๆ ไม่ต้องการที่จะทำงานในอุตสาหกรรมนี้ จำนวนเกษตรกรก็จะลดลงเรื่อยๆ ซึ่งนำไปสู่ปัญหาพื้นที่ทางการเกษตรถูกละทิ้งหรือไร้การเพาะปลูก และผลที่ได้ก็คือ ผลิตผลทางการเกษตรจะมีจำนวนน้อยลง และส่งผลกระทบในเชิงลบต่อเศรษฐกิจระดับภูมิภาคธุรกิจการเกษตรได้กลายมาเป็นธุรกิจระดับโลก และมีการแข่งขันกันที่สูงขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้หมายความว่า ถึงเวลาแล้วที่ประเทศญี่ปุ่นจำเป็นต้องลุกขึ้นมาพลิกโฉมอุตสาหกรรมการเกษตรของตนเองใหม่อีกครั้งเชื่อมต่อกับตลาด ผู้ผลิต และธุรกิจเรือนเพาะชำด้วยบริการระบบคลาวด์เพื่อธุรกิจอาหารและเกษตรกรรม “Akisai” ของฟูจิตสึ จึงได้เข้าไปเกี่ยวข้องในโครงการเกษตรกรรมอัจฉริยะมากมาย เพื่อมีส่วนร่วมช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารและเกษตรกรรมนี้มาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2012 โดยโครงการเหล่านี้มีเป้าหมายในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อใช้ประโยชน์จากแหล่งความรู้และข้อมูลต่างๆ และจากผู้ประกอบการหลายราย อันจะนำไปสู่การพัฒนาระดับภูมิภาค ผ่านภาคการเกษตรที่มีความเข้มแข็งขึ้นสิ่งนี้ได้สร้างความท้าทายให้กับฟูจิตสึอย่างมาก เพราะบริษัทได้ก้าวเข้าสู่โลกธุรกิจเกษตรกรรมในฐานะเจ้าของกิจการ ไม่ใช่ผู้ให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพียงอย่างเดียวโครงการเกษตรกรรมอัจฉริยะใหม่ในเขตอิวาตะนี้ เป็นหนึ่งในโครงการริเริ่มด้านเกษตรกรรมอัจฉริยะแรกๆ ที่ฟูจิตสึเข้าไปร่วมดำเนินการ และได้เปิดตัวโดยมีเป้าหมายในการสร้างรากฐานเกษตรกรรมให้มีความเข้มแข็ง
โดยจุดแข็งของโอริกซ์ คือความเชี่ยวชาญในการประเมินความต้องการของผู้ให้บริการด้านอาหารและอุตสาหกรรมค้าปลีกได้เป็นอย่างดี โดยมีเครือข่ายการกระจายสินค้าทางการเกษตรสำหรับลูกค้าระดับประเทศที่หลากหลายผ่านบริการทางการเงินของบริษัท จุดแข็งข้อนี้ มีการนำไปใช้ประโยชน์ร่วมกับวิธี ‘Market-in’ ซึ่งจะมีการวางแผนการผลิตโดยอ้างอิงจากความต้องการของลูกค้า ที่มีการตั้งเป้าไว้ว่า หากวิธีการนี้สามารถระบุประเภทของผักที่ผู้บริโภคต้องการในร้านค้าปลีกต่างๆ ได้ ก็จะเป็นการช่วยกระตุ้นให้ผู้ผลิตตอบรับความท้าทายในการผลิตพืชผลใหม่ๆ ที่มีความหลากหลายขึ้นโครงการนี้จะยังสร้างประโยชน์ต่อธุรกิจเรือนเพาะชำพืชและเมล็ดพันธุ์ที่มีการทำการค้นคว้าวิจัยและพัฒนาด้านการเกษตรอีกด้วยในปัจจุบันธุรกิจดังกล่าวยังคงเป็นความลับที่ยังไม่ได้รับเปิดเผยอยู่เกษตรกรชาวญี่ปุ่นมีการติดต่อกับตลาดนานาชาติน้อยมาก และพันธุ์พืชที่เกษตรกรเหล่านี้มีการเฝ้าบ่มเพาะด้วยความยากลำบากก็ยังไม่ได้รับการเปิดเผยในตลาดดังกล่าว
อย่างไรก็ดี โครงการใหม่นี้ควรมีการแก้ปัญหาโดยการเป็นตัวแทนระหว่างตลาด ผู้ผลิต และธุรกิจเรือนเพาะชำซึ่งการสร้างสรรค์ธุรกิจร่วมกันนี้ได้เอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจเรือนเพาะชำอย่างมาก ดังจะเห็นได้จากที่ตอนนี้มีหลายบริษัทติดต่อบริษัท มาสึดา ซีด เพื่อขอเข้าร่วมเป็นผู้ค้าในโครงการใหม่นี้แล้วจัดตั้งรูปแบบเกษตรกรรมใหม่ที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิตอลอย่างเต็มที่โครงการเกษตรกรรมอัจฉริยะในเขตอิวาตะจะจัดตั้งรูปแบบเกษตรกรรมใหม่ที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิตอล เช่น เซ็นเซอร์ระบบเครือข่าย และระบบคลาวด์อย่างเต็มที่ โดยจะเริ่มจากการตอบสนองอุปสงค์ของตลาดที่มีความต้องการมะเขือเทศ พริกหยวก และผักคะน้าอย่างมาก
โรงงานเพาะปลูกจะประกอบด้วยเรือนกระจกขนาดใหญ่หลายหลังจะสร้างไว้ในเมืองอิวาตะ จังหวัดชิซูโอกะ ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีปริมาณแสงแดดมากกว่าเฉลี่ยของประเทศถึงร้อยละ 15 ต่อปี ดังนั้นจึงเหมาะแก่การปลูกพืชในเรือนกระจกอย่างยิ่ง ในการวัดอุณหภูมิความชื้นระดับคาร์บอนไดออกไซด์ และความเข้มข้นของสารไฮโดรโปนิกส์จะมีการใช้เซ็นเซอร์ที่จะติดตั้งไว้ในเรือนกระจกเหล่านี้ข้อมูลที่เซ็นเซอร์นี้จับได้จะส่งไปจัดเก็บที่คลาวด์ของระบบอาหารและเกษตรกรรม “Akisai” ของฟูจิตสึ การติดตามอุณหภูมิในห้องเรือนกระจกแบบเรียลไทม์จากทางไกล รวมทั้งการเปิดและปิดหน้าต่างการเริ่มและหยุดพัดลมดูดอากาศ การควบคุมอุณหภูมิ อากาศ และฟังก์ชั่นอื่นๆ ที่มีการดำเนินการจากทางไกล ทั้งหมดจะค่อยๆ ช่วยสร้างความเข้าใจทางด้านเทคนิคเกี่ยวกับวิธีบำรุงรักษาสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่สุด สำหรับการปลูกพืชผักในอนาคต ข้อมูลประสิทธิภาพการเพาะปลูกที่มีการจัดเก็บไว้ใน Akisai จะรวมการตั้งค่าเซ็นเซอร์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเมล็ดพันธุ์แต่ละชนิดเอาไว้ด้วย นอกจากนี้ จะมีการรวบรวมวิธีการควบคุมสภาพแวดล้อมเรือนกระจกเข้าด้วยกัน โดยมีจุดประสงค์เพื่อพัฒนาธุรกิจการออกใบอนุญาตที่จะให้ได้มาซึ่งผลิตผลและคุณภาพที่มีความเสถียร
นาย ทาเคชิ ชูโดะ รองผู้จัดการหน่วยงาน สำนักวางแผนนวัตกรรมแบบเปิดด้านเกษตรกรรมและอาหาร ประจำหน่วยธุรกิจด้านนวัตกรรมของฟูจิตสึ กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของบริษัทคือการเป็นกำลังขับเคลื่อนสำคัญที่สนับสนุนนวัตกรรมด้านเกษตรกรรมในประเทศญี่ปุ่น ผ่านการสร้างสรรค์ธุรกิจร่วมกัน และเพื่อให้มีส่วนช่วยในการทำให้เศรษฐกิจระดับภูมิภาคกลับมาคึกคักอีกครั้งผ่านภาคการเกษตรหน้าจอติดตามดูสภาวะของเรือนเพาะชำ
ขอบคุณทีมา: www.matichon.co.th, www.yahoo.co.jp