ความก้าวหน้าของนวัตกรรมเกษตรนั้นกำลังถูกผลักดันอย่างมากในยุคปัจจุบัน โดยมีเทคโนโลยีมากมาย ที่เข้ามาพัฒนาต่อยอดพร้อมก้าวสู่ยุคของ Smart Farm พร้อมเปิดประสบการณ์ด้านนวัตกรรมการเกษตรยุคใหม่ที่จะมาช่วยให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างมาก
“โดรนเพื่อการเกษตร” ก็เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่กำลังเป็นที่จับตามอง โดยมีลักษณะการใช้งานแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทแรก คือ ใช้สำรวจ และวางแผนการผลิตพืช ไม่ว่าจะการสำรวจพื้นที่ ติดตามการเติบโตของพืช เพื่อนำมาคาดการณ์ผลผลิตหรือวางแผนการจัดการแปลง และประเภทที่สอง คือ ใช้เพื่อทุ่นแรง เช่น การหว่านเมล็ดพืช ปุ๋ย หรือฉีดพ่นสารเคมี ซึ่งโดรนถือเป็นประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะพืชที่มีลำต้นสูง การฉีดพ่นด้วยการที่ต้องแบกเครื่องเองเป็นเรื่องยาก ตรงที่จะทำให้ละอองกระจายลงใบพืชได้อย่างทั่วถึง ต่างจากการบังคับโดรนให้ฉีดพ่นกดลงมาด้วยแรงลมที่เหมาะสมและไปในทิศทางที่ถูกต้อง ซึ่งจะช่วยให้พืชผลิตดอกผลได้ดีกว่า เพราะหากมีการฉีดพ่นผิดวิธีจะทำให้ใบพืชบอบช้ำ จึงไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้ทันที แต่ต้องรอให้เกิดการซ่อมแซมใบก่อนกว่าจะปรุงอาหารได้ เท่ากับกระบวนการผลิตดอกผลต้องล่าช้าไป
การนำโดรนมาใช้เพื่อมาใช้ในการพ่นปุ๋ย หรือยากำจัดศัตรูพืชเป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่ช่วยตอบสนองการใช้งานด้านเกษตรได้อย่างดีในหลาย ๆ ด้าน ได้แก่
ส่วนใหญ่แล้วพื้นที่ด้านเกษตรในประเทศจะเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ ซึ่งเจ้าของกิจการด้านเกษตรกรรมนั้นต้องใช้แรงงานคนจำนวนมาก เริ่มตั้งแต่การเตรียมพื้นที่เพาะปลูก ขั้นตอนการปลูก การดูแลรดน้ำ การใส่ปุ๋ย การดูแลผลผลิต ไปจนถึงขั้นตอนการเก็บเกี่ยว ซึ่งโดรนเกษตรมีส่วนสำคัญในขั้นตอนการฉีดพ่นปุ๋ยทั้งชีวภัณฑ์ (ผลิตภัณฑ์การเกษตรที่มีส่วนผสมธรรมชาติ) และเคมีภัณฑ์ (ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมี) ที่ใช้ในการกำจัดแมลง ซึ่งเป็นการช่วยลดต้นทุน และลดการใช้แรงงานคนลงได้มาก
การปลูกพืช หรือการทำไร่ ในพื้นที่ที่แตกต่างกันของประเทศไทย บางครั้งก็อาจสร้างความลำบากให้แก่เกษตรกรในการดูแลผลิตผลของตนเอง ยกตัวอย่าง เช่น การพ่นปุ๋ยสวนลำไยในพื้นที่ลาดชัน ทางขึ้น-ลง ลำบาก การใช้โดรนเกษตรก็เข้ามาตอบโจทย์เรื่องนี้ได้ดี ทำให้การเข้าถึงพื้นที่การเกษตรของเกษตรกรเป็นเรื่องง่ายขึ้น
การใช้โดรนเกษตรในการทำเกษตรกรรม ช่วยให้เกษตรกรมีความปลอดภัย โดยการไม่ต้องสัมผัสชีวภัณฑ์หรือเคมีภัณฑ์โดยตรง รวมถึงไม่ต้องเดินเข้าไปสัมผัสบริเวณเพาะปลูกด้วยตัวเอง สามารถทำงานได้ด้วยความรวดเร็วอีกด้วย
การใช้โดรนเข้ามาช่วยในการพ่นปุ๋ยหรือยากำจัดศัตรูพืช มีความสามารถในการพ่นยา หว่านปุ๋ยได้อย่างแม่นยำและตรงจุด พร้อมช่วยให้เหล่าเกษตรกรปลอดภัยจากการสัมผัสสารเคมีโดยตรง ถือว่าเป็นการเปลี่ยนผ่านจากยุค Farmer Aging Society สู่ยุคของ Smart Farmer ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งเป็นแนวทางส่งเสริมให้บรรดาเกษตรกร ใช้ต้นทุนทรัพยากรน้อยที่สุด แต่ได้ผลผลิต ทั้งปริมาณและคุณภาพมากที่สุดนั่นเอง
ถึงแม้โดรนเพื่อการเกษตรจะมีข้อดีที่หลากหลาย แต่ราคาของโดรนก็ยังค่อนข้างสูง ซึ่งเป็นการลงทุนที่ค่อนข้างมากในช่วงเริ่มต้น ประกอบกับการใช้โดรนในประเทศไทยมีข้อบังคับและกฎหมายควบคุมอยู่ จากพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 ซึ่งเกษตรกรควรรู้ ดังนั้นหากมิตรชาวไร่ที่มีความสนใจเทคโนโลยีนี้ ที่เข้ามาช่วยงานทำงานต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม เพื่อจะได้ใช้โดรนเข้าพัฒนาประสิทธิภาพของการทำงานของมิตรชาวไร่ได้มากยิ่งขึ้น
ขอบคุณที่มา: