- ข่าวสารมิตรชาวไร่
- ศ., 27 พ.ย. 63
ผ่านมาแล้วเกือบ 3 ปี นับจากการระบาดครั้งแรกของโรคติดเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 หรือโควิด-19 ที่เริ่มต้นในปลายปี 2019 จนถึงปัจจุบัน แม้การระบาดของโรคยังไม่หายไป แต่การต่อสู้ของมนุษย์ที่มีต่อโรค มีแนวโน้มดีขึ้น ทั้งการพัฒนาวัคซีนขึ้นมาต้านความรุนแรงจากโรค การคิดค้นยาต้านไวรัสที่ช่วยบรรเทาและรักษาอาการเจ็บป่วยจากโรคได้ และการรับมือด้วยมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดต่าง ๆ
แน่นอนว่าผลกระทบที่ผ่านมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เกิดขึ้นหลายมิติ ทั้งด้านสุขภาพ สังคม และเศรษฐกิจ ด้านสุขภาพ มีประชาชนเจ็บป่วยและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก และบุคลากรทางการแพทย์ต้องทำงานหนักมากขึ้น ด้านสังคม เกิดความตระหนก ตื่นกลัวและมีการนำมาสู่ความแตกแยก เกิดการกีดกัน โดยเฉพาะในช่วงแรก ๆ ของการระบาด ด้านเศรษฐกิจ เกิดขึ้นอย่างมหาศาล เพราะไทยพึ่งพาการส่งออกและการท่องเที่ยว เรียกได้ว่ากระทบหนักมาก ๆ
นอกจากผลกระบด้านลบที่เกิดขึ้น บางคนอาจกระทบเพียง 2-3 ปี แต่อีกบางคนอาจกระทบนานเป็นสิบปี แต่ผลกระทบในเชิงบวกจากการระบาดของโรคในครั้งนี้ก็แฝงมาด้วยเช่นกัน
นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า ผลกระทบด้านบวกจากวิกฤติโควิด-19 คือ ทำให้เราเห็นศักยภาพของระบบสาธารณสุขไทย ว่ามีความพร้อมกับการตั้งรับทำงานเชิงรุกและการควบคุมการระบาด ในเขตเมืองเรามีทรัพยากรทางการแพทย์ที่เข้มแข็ง ขณะที่พื้นที่ห่างไกลก็มีจุดแข็งเรื่องการรับมือเชิงรุกด้านการป้องกัน ส่วนชุมชนท้องถิ่นมีระบบต้นทุนพื้นฐานสาธารณสุขที่เข้มแข็ง คือ การมีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม.กว่า 1 ล้านคน มีโรงพยาบาลสุขภาพระดับตำบล (รพ.สต.) เกือบ 10,000 แห่ง และมีโรงพยาบาล 700 - 800 แห่ง ที่พร้อมเป็นฐานรองรับผู้ป่วย
นอกจากนี้วิกฤติที่ผ่านมายังทำให้เราได้เห็นประชาชนปรับตัวจาก “การตื่นกลัวกลายเป็นการตื่นรู้” เกิดการเรียนรู้ครั้งใหญ่ของประชาชน ที่จะรับมือกับการระบาดของไวรัส การดูแลตัวเอง การเว้นระยะห่างทางสังคม ซึ่งตรงนี้ถ้ามีความต่อเนื่องก็จะสามารถสร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชนได้
โดยประชาชนได้มีการออกมาตรการของตัวเองในการจัดการกับโรคระบาดที่เกิดขึ้น ซึ่งมีทั้งการล้อตามมาตรการของรัฐ และการทำมาตรการของตัวเองในชุมชน เพื่อป้องกันกลุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อ เช่น ผู้สูงอายุ กลุ่มเด็กเล็ก กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง พร้อมกับการมีมาตรการดูแลทางสังคม การตั้งโรงทาน การดูแลกันเรื่องความมั่นคงทางอาหาร ถือเป็นพัฒนาการของชุมชนที่สำคัญยิ่ง
เราทุกคนต่างรู้ว่าผลกระทบด้านลบที่เกิดขึ้นทำให้เราบอบช้ำกันพอสมควร แต่สิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้สังคมไทยได้เรียนรู้อะไรจากวิกฤติครั้งนี้มากมาย ทั้งในเรื่องความเสี่ยงที่เมื่อเกิดโรคระบาด ปัญหาเรื่องสุขภาพ สังคม เศรษฐกิจ และการเมือง ไม่ใช่เป็นเรื่องแยกส่วนกัน ทุกอย่างเกี่ยวข้องกันทั้งหมด เมื่อเกิดปัญหาโรคระบาดขึ้นมาจึงกระทบกันหมด ทั้งสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองเกิดความไม่มั่นคง เพราะฉะนั้นปัญหาทุกอย่างมันสัมพันธ์กันแยกส่วนกันไม่ได้
เมื่อเราเห็นแล้วว่าที่ผ่านมาเราได้เรียนรู้อะไร เราบอบช้ำจากจุดไหน สิ่งเหล่านี้จะกลับมาเป็นจุดแข็งในอนาคต เชื่อว่าในวันที่ฟ้ามืดมิดจากวิกฤติ COVID-19 ผู้คนได้รับผลกระทบทุกหย่อมหญ้า จะทำให้เรามองเห็นโอกาสของการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่าเสมอ ขอเพียงมีความเชื่อมั่น อดทน และมีสติ แล้วเราจะฝ่าวิกฤติต่าง ๆ ไปด้วยกันทั้งประเทศ
ที่มา
https://www.nationalhealth.or.th/