หน้าแรก

สวัสดีค่ะ มิตรชาวไร่ทุกท่าน ในทุกฤดูกาลเก็บเกี่ยว มิตรชาวไร่ต่างเฝ้ารอผลผลิตจากความทุ่มเทที่ได้ลงแรงดูแลมาตลอดทั้งปี อ้อยที่ได้รับการดูแลอย่างดีเจริญเติบโตเต็มที่ พร้อมเข้าสู่กระบวนการตัดและขนส่งเข้าสู่โรงงาน ซึ่งนับว่าเป็นขั้นตอนสำคัญไม่แพ้การปลูก เพราะหากบริหารจัดการไม่ดี อ้อยอาจสูญเสียคุณภาพ ส่งผลกระทบต่อรายได้และกำไรโดยตรง

การตัดอ้อยสดโดยไม่เผาใบ ถือเป็นแนวทางที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในระบบเกษตรสมัยใหม่ ไม่เพียงแต่ช่วยรักษาคุณภาพของอ้อยตั้งแต่แปลงปลูกจนถึงโรงงานเท่านั้น แต่ยังมีข้อดีอื่น ๆ เช่น การลดการแพร่กระจายของวัชพืช การรักษาความชื้นในดิน ลดมลพิษทางอากาศ และช่วยประหยัดต้นทุนด้านแรงงานได้อีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น การนำ รถตัดอ้อย มาใช้แทนแรงงานคน ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดการสูญเสีย และเก็บเกี่ยวได้ในเวลาที่เหมาะสมมากยิ่งขึ้น

อีกหนึ่งเคล็ดลับสำคัญของการบริหารจัดการที่ดี คือการวางแผนลำดับแปลงอ้อยที่จะตัด โดยพิจารณาจากอายุความสุกแก่และค่าความหวานสูงสุด ควบคู่กับทำเลของแปลงที่อยู่ใกล้กัน เพื่อลดเวลาในการเคลื่อนย้ายเครื่องจักร
โดยทั่วไป อ้อยที่มีอายุประมาณ 13 เดือน มักให้ผลผลิตเต็มลำและมีค่าความหวานสูง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเก็บเกี่ยวในช่วงเวลาดังกล่าว

นอกจากนี้ การขนส่งที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพก็มีบทบาทสำคัญไม่แพ้กัน แนวทาง "Cut to Crush" หรือการตัดอ้อยและส่งเข้าโรงงานภายใน 6 ชั่วโมง เป็นหนึ่งในวิธีการที่ช่วยรักษาความสด น้ำหนัก และค่าความหวานของอ้อยได้ดีที่สุด
เพราะหากอ้อยค้างนานเกินไป อาจสูญเสียน้ำหนักและคุณภาพ จนไม่สามารถจำหน่ายได้ในราคาดี หรือไม่สามารถส่งเข้าโรงงานได้เลย

การปลูกอ้อยให้ประสบความสำเร็จในยุคปัจจุบัน จึงต้องควบคู่ไปกับการวางแผนการเก็บเกี่ยวและขนส่งอย่างเป็นระบบ ตามแนวทาง "มิตรผลโมเดิร์นฟาร์ม" ที่ให้ความสำคัญในทุกขั้นตอน ตั้งแต่แปลงไร่จนถึงโรงงาน
หากดำเนินการอย่างครบถ้วนในทุกกระบวนการ มั่นใจได้ว่า ผลผลิตอ้อยของมิตรชาวไร่จะสามารถสร้างรายได้และกำไรที่น่าพึงพอใจได้อย่างแน่นอนค่ะ

ที่มา : วารสารมิตรชาวไร่

ข่าวปักหมุด