หน้าแรก

การควบคุมและกำจัดวัชพืชเป็นอีกขั้นตอนที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะวัชพืชเป็นศัตรูตัวฉกาจที่มาแย่งธาตุอาหารจากอ้อยในแปลง ทำให้อ้อยเจริญเติบโตไม่เต็มที่ ส่งผลให้ลำต้นอ้อยไม่สมบูรณ์ น้ำหนักไม่ดี ค่าความหวานไม่เป็นไปตามเกณฑ์

มิตรชาวไร่คงไม่อยากให้เกิดปัญหา วัชพืชเจริญงอกงามเคียงข้างอ้อยในแปลงใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้นการวางแผนจัดการวัชพืชในไร่อ้อยจึงเป็นเรื่องจำเป็น ซึ่งโดยทั่วไปแล้วการควบคุมและกำจัดวัชพืชในไร่อ้อยมีหลายวิธี โดยเฉพาะชีววิธีหรือวิธีเขตกรรมที่มิตรผลรณรงค์ให้มิตรชาวไร่นำมาปรับใช้ให้เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ ด้วยการลดใช้สารเคมี ที่อาจส่งผลกระทบต่ออ้อย สิ่งแวดล้อมโดยรอบ และต่อสุขภาพของมิตรชาวไร่เอง

อย่างไรก็ตามหากมิตรชาวไร่เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องใช้สารกำจัดวัชพืช ควรศึกษาถึงคุณสมบัติและวิธีการใช้อย่างเคร่งครัด หลักการทั่วไปคือ ต้องเลือกสารกำจัดวัชพืชให้เหมาะสมกับชนิดดินและขนาดของวัชพืช เช่น สารเพนดิเมทาลิน อ๊อกซี่ฟลูออร์เฟน อาลาคลอร์สามารถควบคุมวัชพืชใบแคบ ได้ดีกว่าวัชพืชใบกว้างดังนั้น ในแหล่งที่มีวัชพืชใบแคบ ก็ควรเลือกใช้สารชนิดนี้ แต่ถ้ามีวัชพืชใบกว้างมากกว่าก็ควรเลือกใช้สารกำจัดวัชพืชชนิด อื่น ๆ เช่น สารแอทราซีน ไดยูรอน 2,4-D เป็นต้น ซึ่งช่วงเวลาที่ต้องใช้สารกำจัดวัชพืชต้องพิจารณาถึงสภาพแวดล้อมอย่างความชื้น ฝน และลมด้วย

ทั้งนี้การควบคุมและกำจัดวัชพืชที่ดีควรจัดการตั้งแต่วัชพืชยังไม่งอก จะช่วยกำจัดวัชพืชที่กำลังจะงอกได้ดี เพื่อลดอัตราการแพร่ขยายไปในวงกว้าง

ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย หรือ สอน.ได้ให้เทคนิคการใช้สารคุมวัชพืชให้มีประสิทธิภาพที่สอดคล้องกับแนวทางการทำไร่อ้อยแบบมิตรผลโมเดิร์นฟาร์ม ดังนี้

เทคนิคการใช้สารคุมวัชพืช ให้มีประสิทธิภาพ

  1. การเตรียมดิน ขั้นตอนนี้สำคัญเพื่อให้การคุมวัชพืชได้ผล ต้องละเอียดประณีตพอสมควร ต้องไถตากดินให้วัชพืชตายสนิท โดยเฉพาะวัชพืชข้ามฤดู เช่น หญ้าขน หญ้าตีนติด พะดอเงียว เนื่องจากสารคุมวัชพืชไม่สามารถทำลายส่วนของวัชพืชที่ไม่ตายและตกค้างในดินนั้นได้ ซึ่งวัชพืชส่วนที่ตกค้างเหล่านี้จะก่อให้เกิดปัญหาการแพร่ระบาดได้ในภายหลัง
  2. ต้องเลือกชนิดของสารกำจัดวัชพืชที่ไม่เป็นพิษต่ออ้อยและสามารถควบคุมวัชพืชได้นาน
  3. อัตราสารและปริมาณน้ำที่ใช้ต่อพื้นที่ต้องเลือกใช้อัตราความเข้มข้นให้เหมาะสมกับชนิดของดิน สภาพดินเหนียวหรือดินที่มีอินทรียวัตถุมาก ควรใช้อัตราสูงกว่าดินร่วน และดินทรายตามลำดับ เนื่องจากดินเหนียวมีความสามารถดูดยึดสารเคมีมากกว่าดินร่วนหรือดินทราย ดังนั้นในดินเหนียวถ้าใช้อัตราความเข้มข้นต่ำ ก็จะไม่สามารถควบคุมวัชพืชได้ดี
    ในทางกลับกัน ถ้าใช้สารอัตราสูงมาก ก็อาจเป็นอันตรายต่ออ้อย ต้องทราบปริมาณน้ำที่ใช้ต่อไร่ ถึงจะทำให้การฉีดพ่นสารกำจัดวัชพืชได้อย่างทั่วถึงและสม่ำเสมอ เพราะอัตราสารที่ใช้จะมีความสัมพันธ์กับปริมาณน้ำที่ใช้ต่อไร่ ถ้าหากคำนวณปริมาณน้ำผิดพลาด นอกจากจะไม่ได้ผลตามที่ต้องการแล้ว ยังอาจเกิดอันตรายต่อต้นอ้อย เนื่องจากรับสารมากเกินไป หรือรับสารน้อยจากการพ่นไม่ทั่วถึง ที่สำคัญเสียเวลาในการทำงานโดยไม่เกิดผลสัมฤทธิ์อีกด้วย
  4. หลีกเลี่ยงการใช้น้ำขุ่นหรือน้ำสกปรกมากผสมสารกำจัดวัชพืช เพราะคุณภาพน้ำที่ใช้ฉีดพ่นมีผลต่อปฏิกิริยาและโครงสร้างของสารกำจัดวัชพืช อาจทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของสารลดลง
  5. ความชื้นของดินขณะฉีดพ่นสารกำจัดวัชพืช ดินต้องชุ่มชื้นพอสมควร จะช่วยให้สารแพร่ซึมลงไปในดินได้ดี
  6. ต้องฉีดพ่นสารคุมวัชพืชให้สม่ำเสมอและทั่วถึง

มิตรผลโมเดิร์นฟาร์มย้ำอยู่เสมอมาว่า การทำไร่อ้อยสมัยใหม่ให้ประสบความสำเร็จนั้น นอกจากจะนำนวัตกรรมเกษตรสมัยใหม่เข้ามาประยุกต์ใช้ในไร่แล้ว การทำกิจกรรมไร่ให้เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา ในวิธีที่ใช่และปริมาณที่พอเหมาะพอดี จะทำให้การทำงานเกิดประสิทธิภาพและสัมฤทธิ์ผลแน่นอน การคุมวัชพืชก็เช่นเดียวกัน หากนำหลักการดังกล่าวข้างต้นไปปฏิบัติตาม รับรองไม่มีวัชพืชมาแย่งอาหารจากอ้อยในแปลง ชัวร์!

ที่มาข้อมูล

http://www.ocsb.go.th/upload/journal/fileupload/144-4003.pdf

ข่าวปักหมุด