มิตรชาวไร่ต่างทราบดีอยู่แล้วว่า ระหว่างตัดอ้อยสดกับอ้อยไฟไหม้นั้นราคาขายให้กับโรงงานย่อมต่างกัน แต่จะต่างกันเท่าไหร่นั้นสามารถคำนวณเงินรายได้ “บาทต่อตัน” ได้ดังนี้
"บาทต่อตัน" คือ กรณีอ้อยตัดสด ค่าอ้อยขั้นต้นอยู่ที่ 750 บาท ส่วนอ้อยไฟไหม้จะถูกหักเงิน 30 บาทต่อตันเป็น 720 บาท โดยนำค่าอ้อยขั้นต้นมาบวกด้วย "ค่าความหวาน 6% ของ 750 บาท ที่ 10 C.C.S. คิดเป็นเงิน 45 บาท" เมื่อปิดหีบจะได้ "ค่าอ้อยสดจากอ้อยไฟไหม้ + เงินช่วยพิเศษอ้อยสด + เงินช่วยปัจจัยผลิต" คาดว่าจะมี "ค่าอ้อยขั้นสุดท้าย" + "ค่าความหวานส่วนเพิ่ม" ประมาณเดือนตุลาคม 2563
ตัวอย่างเช่น ส่งอ้อยสด 100 ตัน ค่าความหวานเฉลี่ย 12 C.C.S. จะได้เงิน (100 ตัน × 750 บาท) + (2 C.C.S. × 45 บาท × 100 ตัน) รวมเป็นเงิน 84,000 บาท โดยยังไม่ได้รับเงินค่าอ้อยสด เพราะแต่ละโรงงานต้องคำนวณจากการหักเงินอ้อยไฟไหม้ 30 บาทต่อตัน และเงินช่วยอื่น ๆ จนกว่าจะปิดหีบ เงินค่าอ้อยขั้นสุดท้ายให้รอหลังปิดรอบปีผลิต 62/63 เดือนตุลาคม 2563
แต่หากส่งอ้อยไฟไหม้ 100 ตัน ค่าความหวานเฉลี่ย 12 C.C.S. จะได้เงิน (100 ตัน × 720 บาท) + (2 C.C.S. × 45 บาท × 100 ตัน ) รวมเป็นเงิน 81,000 บาท ยังไม่รวมเงินช่วยเหลือปัจจัยการผลิตจะได้รับหลังปิดหีบ เงินค่าอ้อยขั้นสุดท้ายให้รอหลังปิดรอบปี ในเดือนตุลาคม สำหรับปี 62/63
ดังนั้นการตัดอ้อยสดกับอ้อยไฟไหม้ ไม่ใช่ทำให้ได้เงินต่างกัน 30 บาทต่อตันเท่านั้น แต่จะต่างกันประมาณ 90 ถึง 140 บาทต่อตันเลยทีเดียว การตัดอ้อยสดจึงเท่ากับว่าเรามีกำไรเพิ่มเติมอยู่ในมืออยู่แล้ว รู้อย่างนี้แล้วก็เลือกตัดอ้อยสดกันดีกว่า
ข้อมูลจาก : https://web.facebook.com/Biorefinery4.0E/posts/3180751601941356