การทำไร่อ้อย เรียกว่าเป็นการทำธุรกิจด้านเกษตรกรรม เพราะมีทั้งการวางแผน การลงทุน และหวังผลกำไรจากรายรับของผลผลิตที่หีบอ้อยส่งโรงงานในแต่ละฤดูกาล

แน่นอนว่า ข่าวราคาอ้อยตกลดลงเหลือตันละไม่ถึงหนึ่งพันบาท สะเทือนวงการอ้อยเป็นอย่างยิ่ง เกษตรกรบางพื้นที่ทนไม่ไหวต้องโอดครวญผ่านสื่อมวลชน หวังว่าเสียงวอนของตนเองจะส่งผ่านไปถึงรัฐบาล ให้ช่วยโอบอุ้มชาวไร่อ้อย ซึ่งดูเป็นเรื่องที่ยาก เพราะเศรษฐกิจโดยภาพรวมของโลกไปในทิศทางที่ประเมินสถานการณ์ลำบาก ในประเทศไทยเองก็มีเรื่องราววุ่นวายให้รัฐบาลคิดจนน่าปวดหัว สุดท้าย ชาวไร่อ้อยนี่แหละที่ต้องดูแลตัวเอง
เมื่อราคาอ้อยไม่เป็นที่น่าชื่นใจแบบนี้ มิตรผลโมเดิร์นฟาร์มอยากชวนให้พี่น้องชาวไร่อ้อยหันมามองรอบ ๆ ตัวเราว่า อะไรบ้างในกระบวนการตัดอ้อยที่จะเพิ่มรายได้เข้ากระเป๋าได้อีกทาง

คำตอบคือ การตัดอ้อยสด ไว้ใบคลุมดิน อย่างแรกเลยคือใบอ้อยที่คลุมดินไว้บางส่วน จะช่วยรักษาความชื้นป้องกันการงอกของวัชพืช และมีธาตุอาหารจากเศษใบอ้อยที่ย่อยสลายกลายเป็นอินทรียวัตถุช่วยปรับโครงสร้างดิน ทำให้ดินมีความร่วมซุยอุดมสมบูรณ์ ลดค่าใช้จ่ายเรื่องปุ๋ยบำรุงดิน อีกทั้งการไว้ใบคลุมดินยังช่วยให้แมลงที่มีประโยชน์ต่ออ้อยมีชีวิตอยู่กับใบอ้อย ซึ่งแมลงเหล่านี้จะช่วยป้องกันการระบาดของหนอนกอและแมลงศัตรูอ้อยอื่น ๆ ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการกำจัดวัชพืชและแมลงศัตรูอ้อย

ประการสำคัญคือ การตัดอ้อยสดไว้ใบคลุมดิน ชาวไร่จะได้ส่วนแบ่งค่าอ้อยสด ในบางพื้นที่ได้ค่าอ้อยสดเพิ่มมากกว่า 100 บาทต่อตันอ้อย และยังไม่ถูกตัดราคาอ้อยไฟไหม้ตันละ 30 บาทด้วย และใบอ้อยที่ตัดอ้อยสดสามารถเก็บไปขายให้โรงงานผลิตไฟฟ้าชีวมวลได้ในราคาตันละ 1,000 บาท ซึ่งมูลค่าที่เกิดจากการตัดอ้อยสด ไว้ใบคลุมดินบางส่วน และบางส่วนส่งขายให้โรงงาน เป็นรายได้เพิ่มอีกทางเข้ากระเป๋าชาวไร่ได้สบาย ๆ เผลอๆ ไม่ใช่แค่รายได้เสริมแต่เป็นกำไรงาม ๆ ได้ด้วยซ้ำ

ในทางกลับกัน ราคาอ้อยก็ตก แถมชาวไร่ยังตัดอ้อยเผาใบ ส่งอ้อยไฟไหม้เข้าโรงงาน เงินที่จะได้ก็ไม่ตามเป้าอยู่แล้ว ยังมาเจอโดนหักค่าอ้อยไฟไหม้ โดนหักค่าความหวาน และน้ำหนักอ้อยไม่เป็นไปตามมาตรฐานอีกต่างหาก หักซ้ำหักซ้อนแบบนี้ ยังไงก็ไม่เหลือค่ะ เพราะฉะนั้นหันมาตัดอ้อยสด ส่งอ้อยน้ำหนักดีมีคุณภาพเข้าโรงงานกันดีกว่าไหมคะ แม้ราคาอ้อยจะตก ถ้าตัดอ้อยสด ไม่ตกอับแน่นอนค่ะ.