มิตรชาวไร่เคยสงสัยไหมคะว่า ปัญหา ฝุ่นละออง มลพิษ มีโอกาสหมดไปจากโลกใบนี้หรือไม่…แนวโน้มคำตอบเดาได้ไม่ยากเลยใช่ไหมคะว่า ปัญหาเหล่านี้ไม่มีทางหมดไป แต่สามารถบรรเทาได้ ตราบใดที่มนุษย์ยังมีชีวิต มีการเคลื่อนไหว ปฏิบัติภารกิจประจำวันต่าง ๆ ฝุ่นละอองก็ยังคงอยู่เช่นกันค่ะ เพราะฝุ่นเป็นอนุภาคขนาดเล็กที่เกิดจากหลายแหล่ง ฝุ่นจากดินที่ถูกพัดขึ้นมา ฝุ่นจากการเผาไหม้ ฝุ่นจากที่พัก อาคารบ้านเรือน จากละอองเกสรดอกไม้ เส้นผม ขนของคนและสัตว์ เศษผิวหนัง เส้นใย สิ่งทอ อีกมากมายหลายแหล่งล้วนทำให้เกิดฝุ่นละอองแทบทั้งสิ้น แม้เราจะอ้างว่า ปัดกวาดเช็ดถูตลอดเวลา ฝุ่นก็ยังมีมาให้เห็นอยู่เรื่อยจริงไหมคะ
ในส่วนของมลพิษ ซึ่งหมายถึงสภาวะอากาศที่ปนเปื้อน ทำให้คุณภาพอากาศเป็นลบต่อคุณภาพชีวิต ซึ่งมีแหล่งที่มาเช่นเดียวกับฝุ่น เพราะฝุ่นละอองที่อยู่ในอากาศปริมาณเยอะเกินไปจนเป็นอันตรายต่อสุขภาพชีวิต ก็ถูกเรียกว่ามลพิษเช่นกัน
ซึ่งปัญหาจากฝุ่นละอองและมลพิษต่าง ๆ นอกจากการรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้แก่ผู้สร้างปัญหาฝุ่นขนาดใหญ่ อาทิ การเผาไหม้วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร การเผาขยะ การก่อสร้าง โรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น การป้องกันดูแลตนเองของแต่ละบุคคลก็เป็นเรื่องพึงกระทำเช่นกัน อาทิ การร่วมกันปลูกต้นไม้เป็นแนวกันฝุ่น หรือปลูกต้นไม้ที่มีคุณสมบัติฟอกพิษในอากาศ เป็นต้น
ทั้งนี้กรมอนามัยได้แนะนำไม้ประดับ 22 ชนิด ที่เปรียบเสมือน “เครื่องฟอกอากาศธรรมชาติ” เนื่องจากไม้ประดับจะดึงดูดจุลินทรีย์ให้มาอยู่บริเวณราก และย่อยสลายโครงสร้างอินทรีย์สารที่ซับซ้อนได้ อีกทั้งใบของต้นไม้ยังสามารถดูดซับสารอินทรีย์ที่เป็นก๊าซ และย่อยหรือถ่ายโอนของเสียไปยังรากเพื่อใช้เป็นอาหารสำหรับจุลินทรีย์ ไปดูกันค่ะว่า ไม้ประดับที่ปลูกไว้เพื่อความสวยงาม เสริมโหงวเฮ้ง ดึงฮวงจุ้ย แต่มีความสามารถดูดสารพิษได้มีอะไรบ้าง
ไม้ประดับ 22 ชนิด ที่สวยใสไม่ไร้ประโยชน์ มีความสามารถสูงในการดูดสารพิษ มีดังนี้
- หมากเหลือง พืชตระกูลปาล์มที่ปลูกง่าย โตเร็ว ชอบแสงแดดจัด แต่ปลูกภายในอาคารได้ ต้องการน้ำมาก ชอบความชื้นสูง สามารถช่วยผู้ป่วยที่เป็นหวัด หรือมีอาการไซนัสได้เป็นอย่างดี
- จั๋ง เป็นพืชตระกูลปาล์มที่มีขนาดเล็ก อยู่ได้ทั้งแสงแดดจัดและกึ่งแดด ปลูกได้ในอาคารแต่ต้องมีแสงแดด ต้องการน้ำพอประมาณ สามารถช่วยกำจัดก๊าซฟอร์มาลดีไฮด์ แอมโมเนีย ไซลีน และก๊าซโทลูอีนได้ดี สามารถดูดสารพิษจากอากาศได้ดีมากด้วยค่ะ
- เศรษฐีเรือนใน เป็นไม้กอขนาดเล็ก ไม่ชอบแสงแดดตรง ๆ ปลูกได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร เจริญได้ดีในดินร่วนซุย ไม่ต้องการน้ำมาก ช่วยให้อากาศภายในอาคารสดชื่นและลดสารเคมีตกค้างในร่างกายได้ดีขึ้น ช่วยโรคแพ้ฝุ่น กำจัดมลพิษทางอากาศได้มากถึง 90% ในเวลาเพียง 2 วัน
- ไอวี่ เป็นไม้เถาคลุมดิน ชอบแสงรำไรและยังเจริญได้ดีในที่ที่เป็นแสงจากหลอดฟลูออเรสเซนท์และปลูกได้ดีในอาคาร มีประสิทธิภาพสูงในการดูดสารพิษจำพวกสารเบนซีน กำจัดเชื้อราในอากาศได้ถึง 78% ในเวลา 12 ชั่วโมง
- เดหลี ไม้ประดับที่โดดเด่นมากชนิดหนึ่ง นิยมนำมาปลูกเป็นไม้ดอกไม้ประดับภายในอาคาร เป็นไม้ที่คายความชื้นสูง ในขณะที่มีความสามารถสูงในการดูดพิษภายในอาคาร ช่วยดักจับสปอร์เชื้อราในอากาศ ฟอกอากาศได้มากถึง 60 %
- ยางอินเดีย เป็นไม้ที่ชอบแสงแดดแต่เจริญได้ดีในสภาพแสงน้อย ในดินร่วนซึ่งระบายน้ำได้ดี ปลูกง่ายทนทาน เป็นพืชที่ไม่ต้องการน้ำมาก ดูดสารพิษได้มาก
- ปาล์มไผ่ เป็นพืชตระกูลปาล์มที่มีหน่อแตกเป็นกอ เป็นไม้กึ่งแดด จึงปลูกได้ภายในอาคาร ต้องการน้ำพอสมควร ถ้าปลูกในอาคารควรรดน้ำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ดูดสารพิษจำพวกเบนซีน ไตรคลอโรเอทธิลีน และฟอร์มัลดีไฮด์ ได้ดี
- พลูด่าง เป็นไม้กึ่งแดดและร่มรำไร จึงปลูกได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร อาจได้แสงจากหลอดไฟก็ได้ เจริญได้ดีในดินเกือบทุกชนิด ดูดสารพิษได้มาก
- บอสตันเฟิร์น เป็นพืชกึ่งแดด ปลูกได้ภายในอาคารและนอกอาคาร หมั่นรดน้ำให้ดินชุ่มชื้นอยู่เสมอ แต่อย่าให้แฉะ ควรฉีดพ่นละอองน้ำตามใบ ดูดสารพิษได้มากโดยเฉพาะฟอร์มัลดีไฮด์
- ซุ้มกระต่าย หรือเศรษฐีเรือนแก้ว ชอบแสงแดดจัดและรำไร ปลูกภายในบ้านได้ เจริญได้ดีในดินทุกชนิด ชอบความชื้นปานกลาง ดูดสารพิษโดยเฉพาะแอมโมเนียได้
- ไทรใบเล็ก อยู่ได้ในที่ที่มีแสงแดดอ่อนจนถึงแสงแดดจัดหรือกลางแจ้ง ชอบดินร่วนซุยหรือดินร่วนปนทราย ควรให้น้ำ 3 – 5 วัน/ครั้ง ไม่ชอบน้ำขัง ดูดสารพิษได้มาก
- วาสนาอธิษฐาน ชอบแสงแดดจัด แต่อยู่ได้ในที่ร่มรำไร ปลูกในอาคารได้ หมั่นรดน้ำเพื่อให้ดินชุ่มน้ำอยู่เสมอแต่ไม่แฉะ ดูดสารพิษภายในอาคารจำพวกฟอร์มัลดีไฮด์ได้มีประสิทธิภาพ
- เข็มริมแดง ชอบน้ำมากแต่ไม่ถึงกับแฉะ จึงควรหมั่นฉีดละอองน้ำให้แก่ใบ เลี้ยงง่าย ทนทาน ควรตั้งไว้ในที่แสงแดดส่องถึง ดูดสารพิษปานกลางถึงมาก เช่น ไซลีน ไตรคลอโรเอทธิลีน เป็นต้น
- หนวดปลาหมึก เป็นไม้กึ่งร่ม ไม่ชอบแสงแดดจัด จึงปลูกได้ภายในอาคาร ต้องการน้ำมาก ปลูกง่าย โตเร็ว ไม่ต้องดูแลมาก ดูดสารพิษได้มาก
- เยอบีร่า ชอบแสงแดดปานกลางถึงแสงแดดจัด แต่ปลูกได้ภายในอาคาร ต้องการน้ำและความชื้นปานกลาง ดูดสารพิษได้มาก
- ลิ้นมังกร ชอบแสงแดดปานกลางถึงแสงแดดจัด ปลูกได้ภายในอาคารและภายนอกอาคาร ต้องการปริมาณน้ำและความชื้นปานกลาง ควรให้น้ำ 5 – 7 วันต่อครั้ง ดูดสารพิษได้น้อย แต่เป็นพืชที่คายออกซิเจนออกมาตอนกลางคืน และดูดคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไป จึงเหมาะที่จะปลูกในห้องนอน
- เบญจมาศ ชอบแดดปานกลางถึงแสงแดดจัด เจริญได้ดีในดินร่วน ต้องการน้ำปานกลาง ความชื้นสม่ำเสมอ ดูดสารพิษได้มาก เช่น ฟอร์มัลดีไฮด์ เบนซีน และแอมโมเนีย เป็นต้น
- ไทรย้อยใบแหลม ชอบแดดอ่อนจนถึงแสงแดดจัด และปลูกภายในอาคารได้ ต้องการน้ำปานกลางจนถึงมาก ถ้าปลูกในอาคารให้รดน้ำ สัปดาห์ละ 1 – 2 ครั้ง ดูดสารพิษจำพวกฟอร์มัลดีไฮด์ได้ดี
- เสน่ห์จันทร์แดง ชอบร่มหรือรำไร ชอบดินที่มีความชื้นสูง ระบายน้ำได้ดี ไม่ชอบน้ำขัง ดูดสารพิษได้มาก เช่น แอมโมเนีย เป็นต้น
- สิบสองปันนา ชอบแสงแดดจัดถึงแสงแดดปานกลาง ชอบความชื้นสูง จึงต้องดูแลให้ดินชื้นอยู่เสมอ เจริญได้ดีในดินร่วนปนทราย ดูดสารพิษได้มากโดยเฉพาะไซลีน
- กล้วยไม้พันธุ์หวาย ชอบแสงแดดรำไรหรือปานกลาง ให้น้ำวันละ 1 – 2 ครั้ง แต่อย่าให้แฉะเกินไป เพราะจะทำให้เป็นเชื้อรา ดูดสารพิษได้มาก โดยเฉพาะแอลกอฮอล์ อาซีโตน ฟอร์มัลดีไฮด์ และคลอโรฟอร์ม และเป็นพืชที่คายออกซิเจนออกมาตอนกลางคืน และดูดคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไป จึงเหมาะที่จะปลูกในห้องนอน
- ประกายเงิน เป็นพืชที่ปลูกได้ทั้งกลางแจ้ง ร่มรำไร และที่ร่ม และเป็นไม้ที่ปลูกง่ายและทนทาน เป็นพืชที่เลี้ยงง่าย เจริญเติบโตได้แม้มีแสงน้อยและความชื้นน้อย ต้องการน้ำมากแต่ไม่แฉะ และต้องการความชุ่มชื้น ดูดสารพิษได้ปานกลาง แต่ดูดสารเบนซีนได้ดี
ดูจากชื่อแล้ว ไม้ประดับทั้ง 22 ชนิด เป็นพืชที่หาได้ง่าย ราคาไม่แพง บ้านไหนมีปลูกอยู่แล้ว สามารถแบ่งปันให้เพื่อนบ้านได้นะคะ นอกจากเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้บ้านเรือนเราแล้ว ยังได้สูดอากาศบริสุทธิ์ร่วมกันอีกด้วยค่ะ.
https://www.technologychaoban.com/flower-and-decorating-plants/article_125892